บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เตรียมแผนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 1- 2 ปี

บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เตรียมแผนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 1- 2 ปี

นายออมสิน ชีวพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณย์ไทย จำกัด เปิดเผยถึงแผนการนำ บริษัทไปรษณีย์ไทย จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ว่า ต้องดูความพร้อมในหลายด้าน ทั้งความพร้อมของพนักงาน การดำเนินการ และนโยบายหลักที่ชัดเจน จากนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้น่าจะมีความชัดเจน อย่างไรก็ตามมองว่าการที่จะนำบริษัทไปรษณีย์ไทย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ ซึ่งในปัจจุปันโลจิสติกส์ของโลกได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ไปรษณีย์ไทยต้องลงทุนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะนอกจากการส่งจดหมายและส่งพัสดุภัณฑ์ มีความล้ำหน้าและทันสมัยมากขึ้นแล้ว การส่งจดหมายในปัจจุปันไปรษณีย์ยังต้องแข่งขันกับการส่งรับส่งอีเมลล์ ที่ง่ายและสะดวกกว่า ซึ่งทำให้ไปรษณีย์ไทยต้องมีการปรับตัวและหันไปทำธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งมากขึ้น เช่นการเข้าเป็นหุ้นส่วนจัดตั้งบริษัทขนส่งสินค้าและโลจิสส์ไทย

ทั้งนี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในปี 2550 บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด มีรายได้สุทธิ 16,000 ล้านบาท และมีกำไร1,750 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ของรายได้และกำไรมาจากการดำเนินการ อย่างไรก็ตามคาดว่าหากบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีความพร้อมในทุกด้าน ภายใน 1-2 น่าจะสามารถดำเนินการจดทะเบียนเข้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้

จังหวัดราชบุรีเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเตรียมการรับสถานการณ์ภัยธรรมชาติปี ๒๕๕๑ ด้านการประมง

สำนักงานประมงจังหวัดราชบุรี ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเตรียมการรับสถานการณ์ภัยแล้งด้านการประมง

นายวรการ ยกยิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเตรียมการรับสถานการณ์ภัยแล้งด้านการประมงว่าจังหวัดราชบุรี โดยสำนักงานประมงจังหวัด ขอให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในจังหวัดราชบุรี ควบคุมการใช้น้ำ และรักษาปริมาณน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำให้มีการสูญเสียน้อยที่สุด ป้องกันการรั่วซึม จัดทำร่มเงาให้กับบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ เตรียมหาแหล่งน้ำสำรองไว้ใช้เพิ่มเติม ลดปริมาณสัตว์น้ำภายในบ่อ ป้องกันน้ำเน่าเสีย ลดระยะเวลาการเลี้ยงสัตว์น้ำให้น้อยลง งดเว้นการขนถ่ายสัตว์น้ำ สังเกตอาการต่างๆของสัตว์น้ำที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และควรมีแผนการเลี้ยง หรือเว้นการเลี้ยงในช่วงภัยแล้ง

แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว จะเปิดคาสิโนปลายปีนี้ 2 แห่ง

แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะเปิดให้บริการบ่อนคาสิโนได้ปลายปี 2551 อย่างน้อย 2 แห่ง

นายอภิชาติ เพชรรัตน์ กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยในงานเสวนา เรื่อง “ก้าวต่อไปสะพานมิตรภาพ 2 ไทย – ลาว มุกดาหาร – สะหวันนะเขต” ว่า ขณะนี้แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาวได้มีการลงทุนจากนักธุรกิจต่างชาติเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีเส้นทางยุทธศาสตร์หมายเลข 9 ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังทะเลตะวันออกของประเทศเวียดนาม และค่าแรงที่ถูกกว่าในประเทศไทย อีกทั้ง รัฐบาลลาวยังมีนโยบายในการสนับสนุนการลงทุนในประเทศ โดยการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน – เซโน ตามเส้นทางหมายเลข 9 รวมไปถึงการตั้งบ่อนคาสิโนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวงเวียนไดโนเสาร์ เมืองไกสอนพมวิหาน แม้ที่ผ่านมาจะมีข่าวว่าโครงการดังกล่าวถูกล้มเลิกไปจากการถอนหุ้นของกลุ่มร่วมทุนประเทศเกาหลีก็ตาม แต่ต่อมาได้มีการร่วมทุนกันใหม่กับกลุ่มนักลงทุนจากมาเก๊า ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านกาสิโนมานานร่วม 27 ปี เพื่อเดินหน้าต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้างตัวอาคาร และโรงแรม

กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น สปป.ลาว ยังมีแผน ที่จะสร้างสถานคาสิโนเพิ่มขึ้นอีกแห่งในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ สะหวัน – เซโนบนเส้นทางเชื่อมต่อไปยังเวียดนาม แต่จะเน้นรูปแบบไปทางด้านเอ็นเตอร์เทนเม็นคอมเพล็ก คือมีทั้งบ่อนกาสิโน และสวนสนุกเพื่อให้การต้อนรับการท่องเที่ยวในรูปแบบเชิงครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 แห่งจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2551 นี้

เตรียมเสนอ ก.คมนาคม ยกเลิกกฏห้ามใช้มือถือบนเครื่องบิน

กรมการขนส่งทางอากาศ เตรียมเสนอกระทรวงคมนาคม ยกเลิกกฎห้ามใช้มือถือบนเครื่องบิน เนื่องจากผลการศึกษาไม่กระทบต่อระบบนำร่อง

นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมกรรมการพิจารณาระบบความปลอดภัยทางอากาศ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมฯได้นำผลการศึกษาจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ นาซ่า ที่พบว่าสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่มีผลต่อระบบนำร่องของเครื่องบินในระหว่างบิน และไม่มีผลต่อการทำการบิน เพียงแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่บนเครื่องบินอาจส่งผลต่อสมาธิของพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ระหว่างการสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตบนเครื่อง และอาจทำให้ผู้โดยสารบางรายไม่สนใจฟังพนักงานต้อนรับ จึงเตรียมเสนอให้กระทรวงคมนาคม พิจารณายกเลิกกฎกระทรวงที่บังคับห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่บนเครื่องบิน

อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ ยืนยันว่า คณะกรรมการ ฯ จะนำผลการวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศมาพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง ก่อนเสนอต่อกระทรวงคมนาคมในการประกาศยกเลิกกฎข้อดังกล่าวต่อไป

ธนาคารโลก คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยดีขึ้น จากร้อยละ 4.6 เป็นร้อยละ 5

ธนาคารโลก คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยดีขึ้น จากร้อยละ 4.6 เป็นร้อยละ 5 จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน ทำให้การบริโภคและการลงทุนในประเทศฟื้นตัว

นายเอียน ซีพอร์เตอร์ ผู้อำนวยการธนาคารโลกภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ รายงานการวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกและหมู่เกาะแปซิฟิกฉบับล่าสุด พบว่า หลายประเทศได้ปรับโครงสร้างระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจมหภาคให้มีความแข็งแกร่ง ทำให้สามารถรับมือกับวิกฤตซับไพร์มของสหรัฐได้ดีพอสมควร ส่วนประเทศไทย สิ่งที่ท้าทายมากที่สุด คือ การกระตุ้นภาคการส่งออกให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ด้านนางกิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกในกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ธนาคารโลกได้ปรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2551 ขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 5 จากเดิมที่คาดจะอยู่ที่ร้อยละ 4.6 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนของภาครัฐ ทำให้การบริโภคและการลงทุนฟื้นตัวดีขึ้น หนุนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ ขณะเดียวกันให้ระวังปัจจัยเสี่ยง ทั้งความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าที่สูงขึ้น

เกษตรกรเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ในอนาคต เพื่อเป็นพลังงานทดแทนไม่ต่ำกว่า 3 ล้านไร่ทั่วประเทศ

เกษตรกรเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ในอนาคต เพื่อเป็นพลังงานทดแทนไม่ต่ำกว่า 3 ล้านไร่ทั่วประเทศ

นายสมชาย สิทธิโชค ประธานกรรมการบริษัทปาล์มโอริช จำกัด กล่าวว่า ปี 2551 ภาคการผลิตปาล์มน้ำมันที่ผลิตในประเทศไทย มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มมากขึ้น โดยมีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันไม่ต่ำกว่า 3 ล้านไร่ทั่วประเทศ โดยขยายพื้นที่การปลูกทั้งภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และบางส่วนขยายไปปลูกในประเทศ ลาว กัมพูชา ซึ่งปาล์มน้ำมัน จะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่นอกจากจะสกัดเป็นน้ำมัน เพื่อการบริโภคแล้ว ยังสามารถนำไปเป็นพืชทดแทนพลังงาน และพืชอุตสาหกรรม

นายสมชาย สิทธิโชค กล่าวอีกว่า ปี 2550 ประเทศไทยมีกำลังการผลิตที่สามารถผลิตผลปาล์มน้ำมันสดได้ประมาณ 6 ล้านตันเศษ ผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้ประมาณ 1 ล้านตัน ใช้บริโภคในประทศอัตราประมาณ 7 แสนตัน และปีที่ผ่านมามีสต๊อกการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ ประมาณ 1 แสน 1 หมื่นตัน ซึ่งทำให้รัฐบาล จำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 3 หมื่นตัน เพื่อการบริโภค ดังนั้น ขณะนี้จะต้องมีการเพิ่มพื้นที่และพัฒนาสายพันธ์พืช เพื่อรองรับการผลิตเพื่อเป็นพลังงานในอนาคต.

กรมทางหลวง เตรียมหารือ ก.คลัง หาแหล่งเงินกู้ก่อสร้างโครงข่ายมอเตอร์เวย์สายใหม่ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท

กรมทางหลวง เตรียมหารือกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการหาแหล่งเงินกู้เพื่อก่อสร้างโครงข่ายมอเตอร์เวย์สายใหม่ ระยะ 5 ปี วงเงินงบประมาณ 50,000 ล้านบาท รองรับการจราจรสู่ภูมิภาค

นายนิกร บุญศรี อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวถึงแผนการก่อสร้างโครงการทางหลวง หรือ มอเตอร์เวย์ สายกรุงเทพมหานครสู่ภูมิภาคที่อยู่ในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล เพื่อรองรับการจราจรที่เริ่มคับคั่งมากขึ้น และอำนวยความสะดวกในการขนส่งว่า กรมทางหลวงได้จัดทำแผนก่อสร้างมอเตอร์เวย์สู่ภูมิภาค เป็นแผนระยะ 5 ปี ระยะทางประมาณ 4,000 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณกว่า 50,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ยังเกิดความล่าช้า สามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างไปได้เพียง 100 กว่ากิโลเมตร โดยโครงการสายกรุงเทพ-ชลบุรี-มาบตาพุด-สู่ภาคตะวันออก และโครงการสายกรุงเทพ-ราชบุรี-กาญจนบุรี-นครปฐม-ชะอำ อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเตรียมการก่อสร้างในระยะต่อไป ส่วนมอเตอร์เวย์สายใหม่จากบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 199 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุน 29,000 ล้านบาท ได้สำรวจและออกแบบเสร็จแล้ว และมีความพร้อมก่อสร้างมากที่สุด แต่ยังมีปัญหาเรื่องวงเงินลงทุน ซึ่งเรื่องดังกล่าว กรมทางหลวงอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลัง ถึงการหาแหล่งเงินทุน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นเงินกู้ทั้งหมด คาดว่าเมื่อมีงบประมาณพร้อม จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายใน 1 ปีข้างหน้า และแล้วเสร็จได้ภายใน 5 ปี

ทั้งนี้ปัจจุบัน กรมทางหลวงได้พัฒนาเส้นทางคมนาคมมาเป็นเวลา 96 ปี มีเส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบเป็นระยะทางกว่า 50,000 กิโลเมตร โดยในปีงบประมาณ 2551 มีโครงการก่อสร้างจำนวน 18 สายทาง โดยมีโครงการที่กำลังก่อสร้างจะแล้วเสร็จ จำนวน 3 เส้นทาง ประกอบด้วย สายบางปะอิน-นครสวรรค์ โครงการสายกรุงเทพ-ชลบุรี-พัทยา และโครงการสมุทรสาคร-ปากท่อ-เพชรบุรี-ชะอำ

กรมทางหลวง เตรียมก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3

กรมทางหลวง เตรียมก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 เพื่อเป็นเส้นทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

นายนิกร บุญศรี อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลา เนื่องวันคล้ายวันสถาปนากรมทางหลวงครบรอบ 96 ปี พร้อมกล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2551 ว่า มีโครงการก่อสร้างเส้นทางในความรับผิดชอบ ระยะทาง 5 หมื่นกิโลเมตร 18 สายทาง เป็นโครงการก่อสร้างพัฒนาทางหลวง 4 ช่องจราจร ระยะที่ 2 / โครงการแก้ปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนการก่อสร้างเพื่อสนับสนุนการขนส่งต่อเนื่องในหลายจังหวัด

ส่วนโครงการที่จะดำเนินการในอนาคต ได้แก่ การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม-แขวงคำม่วน เพื่อเป็นเส้นทางไปมาหาสู่กับประเทศเพื่อนบ้าน และโครงการทางหลวงพิเศษ หรือ มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจและออกแบบ ส่วนเงินทุนที่ใช้ก่อสร้างมาจาก 2 แหล่ง คือ เงินงบประมาณจากภาครัฐ และกู้เงินจากต่างประเทศ

กรมส่งเสริมการส่งออกจับมือ ปณท พัฒนาศักยภาพผลักดันการขนส่งโลจิสติกส์

กรมส่งเสริมการส่งออก ร่วมมือ กับไปรษณีย์ไทย ลงนามความร่วมมือพัฒนาศักยภาพ ผลักดันการขนส่งโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า การลงนามความร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ไทยให้เป็นไปอย่างครบวงจรทั้งในและต่างประเทศในวันนี้ จะเป็นการลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ส่งออก อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าบริการของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ให้รองรับการเปิดเสรีที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้ โดยทางบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เอง ยังได้ประสานความร่วมมือและมีศูนย์ไปรษณีย์ที่ จ. ขอนแก่น ซึ่งจะทำให้การขนส่งโลจิสติกส์ไปยังท่าเรือหรือจังหวัดในประเทศ สะดวกและเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น

สำหรับในส่วนของนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันศูนย์ไปรษณีย์ของไทยมีอยู่ทั่วประเทศถึง 14 แห่ง จึงคาดว่าความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการขนส่งของไทยและมูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ได้ โดยที่ผ่านมาการใช้บริการขนส่งสินค้าในแต่ละปี มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านล้านบาท

เลขาฯ บีโอไอ. ระบุ แนวโน้มการลงทุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เลขาธิการ บีโอไอ. มั่นใจ การลงทุนใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ. กล่าวว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปีนี้ ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ผลิตปิโตรเคมีในประเทศ จะดำเนินโครงการตามแผนเดิมที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ไม่ชะลอการลงทุนแต่อย่างใด แม้จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน นอกจากนี้แนวโน้มการลงทุนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปีนี้ จะมุ่งไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ กรีน เคมิสทรี ซึ่งจะมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตและใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย ประกอบกับนโยบายของ บีโอไอ. ที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีลงทุนเพิ่ม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้สูงกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ทำให้มั่นใจได้ว่า จะสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น สนใจสอบถามได้ที่โทร. 0-2537-8185 หรือ http://www.boi.go.th