Accom Thailand

May 21, 2009

สาวใหญ่ใจกล้า ถาม นายกฯ ทำอะไร เพื่อประชาชนบ้าง เอาแต่ปรับ ครม. – แก้รัฐธรรมนูญ


สาวใหญ่ใจเด็ดบุกทำเนียบ โวย “มาร์ค” ไม่สนใจ ปชช.เอาแต่สนใจการเมือง

สาวใหญ่ใจกล้า บุกทำเนียบ โวยกลางวง แถลงข่าว นายกฯ ถาม ทำอะไร เพื่อประชาชนบ้าง เอาแต่ปรับ ครม. – แก้รัฐธรรมนูญ เอาใจ นักการเมือง จนเกือบวุ่น “ปณิธาน” ต้องดึงออก นอกวง บอกพร้อม รับฟังปัญหา เจ้าตัว โพล่ง เดือดร้อน นโยบายเรียนฟรีรัฐบาล แถมโดนบีบทุกทาง ไม่มีรายได้แน่นอน ซัดสารพัดม็อบ ทำเศรษฐกิจแย่
นางอุษณกร คอกเชอวาล คำร้องของประชาชน ที่ร้องไป ก็กลายเป็น ถุงกล้วยแขก ตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ สมัคร สมชาย ไม่ว่า กี่รัฐบาล ก็เป็นอย่างนี้ เราเป็นคนจน ไม่มีญาติที่ไหน

นางอุษณกร คอกเชอวาล คำร้องของประชาชน ที่ร้องไป ก็กลายเป็น ถุงกล้วยแขก ตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ สมัคร สมชาย ไม่ว่า กี่รัฐบาล ก็เป็นอย่างนี้ เราเป็นคนจน ไม่มีญาติที่ไหน



วันนี้ (21 พ.ค.) ที่ ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อเวลา 11.20 น. บริเวณ ด้านหน้า ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กำลัง แถลงข่าว ถึงประเด็น การเมือง กับ สื่อมวลชนอยู่ ได้มี ผู้หญิงสวมชุด สีเลือดหมู อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งแลกบัตรจาก ประตู 4 เข้ามา ได้ยกมือ ขึ้นถาม นายอภิสิทธิ์ ว่า ขอถาม อะไรหน่อย

ครม. และ นายกฯ ได้ทำอะไร ให้ประชาชนบ้าง นอกจาก การแก้รัฐธรรมนูญ และ การปรับ ครม. ซึ่งนายกฯ ตอบว่า “ทำครับๆ”

แต่ หญิงคนดังกล่าว ยังคงพยายาม ตะโกนถาม คำถาม นายอภิสิทธิ์ ว่า ได้ทำอะไร เพื่อประชาชน บ้าง นายกฯ ยังคงตอบว่า ยืนยันว่า “ทำครับ เราพยายาม รับเรื่องราว เดือดร้อน ของ ประชาชน ไว้ก่อน แต่ ท่านยังไม่ได้บอก เลยว่า เดือดร้อน เรื่องอะไร”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนั้น ตำรวจสันติบาล ประจำทำเนียบ และ ตำรวจ นอกเครื่องแบบ ได้เข้าประกบตัว หญิงคนดังกล่าว แต่ผู้หญิงคนเดิม เถียงว่า ไม่จริง และ เริ่มพูดจา ขึ้นเสียง จนมีท่าทีว่า จะเกิดความวุ่นวาย จนกระทั่ง นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ โฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาบอกว่า ถ้าจะมา ร้องเรียนอะไร ให้มาพูดกับตน หลังจากนั้น นายปณิธาน จึงพาตัว หญิงวัยกลางคน เข้าไปสอบถาม พูดคุย และ สงบสติอารมณ์ ที่ตึกนารีสโมสร

จากนั้น เมื่อเข้าไปที่ ตึกนารีสโมสร ผู้สื่อข่าว ได้สอบถาม ผู้หญิงคนนั้น จนทราบชื่อ คือ นางอุษณกร คอกเชอวาล อายุ 43 ปี บ้านอย ย่านเทเวศร์ ซึ่ง เมื่อก่อน เคยมีอาชีพ ขายปากกา หนังสือ อุปกรณ์การเรียน อยู่แถวเทเวศร์ แต่ปัจจุบัน ไม่ได้ขายแล้ว มารับจ้าง พิมพ์งาน อยู่ ทั้งนี้ ระบุว่า ที่ขายไม่ได้ เพราะ ปัญหาเศรษฐกิจ จากบรรดาม็อบ เสื้อแดง เสื้อเหลือง ซึ่ง นางอุษณกร กล่าวว่า ตนไม่ชอบทั้ง เสื้อแดง และ เสื้อเหลือง ที่ทำให้ เศรษฐกิจของ ประเทศไทย ย่ำแย่ แบบนี้

นางอุษณกร กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้มา ยื่นหนังสือ หรือ จะมา เรียกร้องอะไร ตนเป็น ผู้หญิง ตัวคนเดียว มาคนเดียว ไม่มีอาวุธ หรือ อะไรมา แค่อยากจะ มา ถาม ว่า ทาง ครม. และ รัฐมนตรี เคยทำอะไร เพื่อประชาชนบ้าง และ

เรื่องเรียนฟรี 15 ปี นั้น อยากให้กลับ มาดูว่า ยังไม่มีอะไร เกิดขึ้นเลย ตามที่เคยพูดนักพูดหนาว่า จะทำให้ประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ แต่ก็ยังคง เดือดร้อนไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนรัฐบาล ก็เอาแต่ แถลงข่าว ปรับ ครม. แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อผลประโยชน์ เพื่อจุดยืน ของตัวเอง ทั้งนั้น

ส่วนเรื่องที่เดือดร้อน จริงๆ นั้น นางอุษณกร ได้กล่าวพร้อมทั้ง น้ำตา ว่า เป็นเรื่องลูกสาว ซึ่งกำลังเรียนอยู่ กำลังจะขึ้น ชั้นอนุบาล 3 เดิมเรียนอยู่ที่ โรงเรียน ภายใต้สังกัด ของ กทม. แต่ การเรียนที่นั่น ไม่มีคุณภาพ เปิดทีวีให้ลูกสาวดู แล้วบ่ายสอง ก็รับกลับบ้าน ตนจึงย้ายโรงเรียนไปสังกัด สาธิต แต่ค่าเทอม ก็แพงมาก ต้องกู้เงิน เพื่อหาเงิน มาส่งลูกเรียน แต่จะกู้ธนาคาร ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องมีหลักฐาน และ ต้องเป็น ข้าราชการซี 5 รับประกัน จึงจะกู้ได้

ตนหวังอย่างเดียวว่า อยากให้ลูกสาวของตน มีคุณภาพ อยากให้มีการศึกษา แต่โรงเรียนรัฐบาล ไม่มีคุณภาพ ที่ดีพอ โรงเรียนเอกชน ค่าเทอมก็แพง ทำให้ตน เหมือนโดนบีบ

“จริงๆ แล้ว ได้ไปร้องเรียนที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ มาแล้ว แต่ทางนั้น บอกว่าต้องรอดำเนินการ ถึง 60 วัน กว่าจะเห็นผล ตอนนี้ คำร้อง ของ ประชาชน ที่ร้องไป ก็ กลายเป็น ถุงกล้วยแขก ตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ สมัคร สมชาย ไม่ว่า กี่รัฐบาล ก็เป็นอย่างนี้ เราเป็นคนจน ไม่มีญาติที่ไหน สามีก็เสีย ถ้าไม่มีเงิน ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีใคร เห็นเรา แต่ถ้ามีเงิน ญาติก็จะเยอะ” นางอุษณกร กล่าว


ด้าน นายปณิธาน ได้พูดคุย รับฟัง และ พยายามอธิบายให้ นางอุษณกร ได้เข้าใจถึง โครงการเรียนฟรี 15 ปี ที่จำเป็น ต้องใช้เวลา ในการดำเนินการ และ เรื่องของ นักการเมือง ที่ นางอุษณกร ที่ได้กล่าวไว้ และ ให้ นางอุษณกร ได้เขียน ชื่อ ที่อยู่ ไว้เพื่อเป็นหลักฐานแล้ว

ก่อนที่ นายปณิธาน จะกลับออกไปจาก ตึกนารีฯ ซึ่ง นางอุษณกร ได้ให้ สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว อีกระยะหนึ่ง ก่อนจะกลับออกไป โดยมี ตำรวจเดินตาม ไปด้วย

astv_mgr-200จาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤษภาคม 2552 16:00 น.

พิมพ์ ข่าวนี้ สาวใหญ่ใจเด็ด บุกทำเนียบ โวย “มาร์ค” ไม่สนใจ ปชช. เอาแต่สนใจ การเมือง


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

กกต. มีมติไม่ให้ นายทะเบียน พรรคการเมือง รับจดแจ้ง การ จัดตั้ง พรรค พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย (พ.ป.ป.) หรือ P.A.D.


กกต. ไม่รับจด ตั้งพรรค “พ.ป.ป.” ชี้ข้อบังคับ ผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพียบ

เลขาฯ กกต. เผย นายทะเบียน พรรคการเมือง มีมติ ไม่รับจดแจ้งจัดตั้ง พรรคพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย หรือ ชื่อย่อ พ.ป.ป. ชี้ข้อบังคับหลายข้อ ผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง ทั้งชื่อ พรรคภาษาอังกฤษ ที่ซ้ำกับ พรรคประชาภิวัฒน์ ขณะ คนขอจดบางคนเป็น สมาชิก พรรคมหาชน


วันนี้ (21 พ.ค.) ที่ สำนักงาน คณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า กกต. มีมติไม่ให้ นายทะเบียน พรรคการเมือง รับจดแจ้ง การจัดตั้ง พรรค พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย (พ.ป.ป.) หรือ P.A.D. ที่มี นางภานุมาศ พรมสูตร หัวหน้าพรรค ได้ยื่นขอ ต่อ กกต. ทั้งนี้

เนื่องจาก จากการตรวจสอบของ ฝ่ายวิจัย และ พัฒนา ระบบบริหาร ฐานข้อมูล พรรคการเมือง พบว่า นางรุ่งรัตน์ เป็นกระโทก สมาชิกพรรค ของผู้ร่วมขอจัดตั้ง พรรคฯ มีชื่อปรากฏเป็น สมาชิก พรรคมหาชน และ เมื่อพิจารณาชื่อพรรค ที่เป็นภาษาอังกฤษ และ ชื่อย่อภาษาอังกฤษ ก็คล้าย หรือ ซ้ำกับ พรรคประชาภิวัฒน์ ที่ถือว่า ขัดกับ

มาตรา 9 วรรคสอง พ.ร.บ.พรรคการเมือง 50 ที่ห้ามไม่ให้ชื่อ พรรคการเมือง ซ้ำ พ้อง หรือ มีลักษณะคล้ายคลึง กับ ชื่อ ชื่อย่อ หรือ ภาพเครื่องหมายของ ผู้จดแจ้ง การจัดตั้ง พรรคการเมือง อื่น หรือ ของ พรรคการเมือง ที่ได้จดแจ้งไว้ก่อน ตามมาตรา 12 หรือ ของ พรรคการเมือง ที่ถูกยุบ ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ นี้

นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า ข้อบังคับ พรรคพันธมิตรฯ หลายข้อ ขัดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ประกอบด้วย

ข้อบังคับพรรค ที่ 28, 29 ที่กำหนดให้ การเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั่วไป ในแต่ละครั้ง คณะกรรมการ บริหารพรรค แต่งตั้ง คณะกรรมการ อำนวยการทั่วไป เพื่อทำหน้าที่ คัดเลือก สมาชิกพรรค ที่เหมาะสม และ มีคุณสมบัติ ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบสัดส่วน และ แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

ขัดมาตรา 28 วรรคสอง (4) พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่บัญญัติ ว่า การดำเนินการเลือกตั้ง คณะกรรมการ คัดเลือก ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ของพรรคการเมือง คณะกรรมการ นโยบายของ พรรคการเมือง และ คณะกรรมการ ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย ในพรรคการเมือง ให้กระทำ โดยที่ประชุมใหญ่ของ พรรคการเมือง

ข้อบังคับพรรค ข้อ 52 ที่กำหนดว่า ในการประชุม สาขาพรรคนั้น มีผู้เข้าร่วมประชุม ไม่น้อยกว่า30 คนขึ้นไป ยัง

ขัดต่อ มาตรา 37 วรรคสอง พ.ร.บ. พรรคการเมือง ที่ระบุว่า องค์ประชุมของ ที่ประชุมใหญ่ สาขาพรรคการเมือง ต้องประกอบด้วย กรรมการสาขาพรรคการเมือง อย่างน้อย กึ่งหนึ่ง และ สมาชิก สาขาพรรคการเมือง ซึ่งต้องมีจำนวน ไม่น้อยกว่า 50 คน และ

ข้อบังคับพรรค ข้อ 68 ที่กำหนดว่า เมื่อมีการพิจารณา สิ้นสุดลง หัวหน้าพรรค มีอำนาจ สั่งการ อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

1.ให้ระงับเรื่องกล่าวหา
2.ยกข้อกล่าวหา
3.ตำหนิสมาชิกผู้ถูกกล่าวหา
4.ภาคทัณฑ์สมาชิกพรรคผู้กล่าวหา

ส่วนในกรณีที่ หัวหน้าพรรค เห็นว่าควรได้รับการลงโทษ โดยการลบชื่อสมาชิก ผู้ถูกกล่าวหา ออกจาก ทะเบียน ให้ หัวหน้าพรรค เสนอต่อ คณะกรรมการบริหารพรรค ถือเป็นอันสิ้นสุดลง

ขัดกับ มาตรา 20 (4) พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่กำหนดว่า สมาชิกภาพของ สมาชิกสิ้นสุดลง เมื่อพรรคการเมือง มีมติให้ออก ตามข้อบังคับพรรคการเมือง เพราะกระทำผิดวินัย หรือ จรรยาบรรณ อย่างร้ายแรง หรือ มีเหตุร้ายแรงอื่น กล่าวคือ การลงโทษสมาชิก ผู้ถูกกล่าวหานั้น พรรคการเมือง จึงมีมติให้ออก ตามข้อบังคับ พรรคการเมือง เพราะกระทำผิดวินัย หรือ จรรยาบรรณ อย่างร้ายแรง ซึ่งทำให้ การเป็นสมาชิกภาพ ของสมาชิก สิ้นสุดลง ดังนั้น พรรคพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย จึงไม่สามารถ ลบชื่อ สมาชิกผู้ถูกกล่าวหา ออกจาก ทะเบียน สมาชิกพรรคการเมือง ได้

“ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ ที่ประชุม กกต. เห็นว่า การยื่นขอจดจัดตั้งดังกล่าว มีรายการไม่เป็นไป ตาม มาตรา 13 วรรค หนึ่ง (2) จึงเห็นชอบให้ นายทะเบียน พรรคการเมือง สั่งไม่รับจดแจ้ง การจัดตั้ง พรรคพันธมิตรฯ และ แจ้งเป็นหนังสือ พร้อมทั้งเหตุผลต่อ นางภานุมาศ ผู้ยื่น ได้ทราบภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนด วันที่ 23 พ.ค.นี้ แต่ เนื่องจาก เป็นวันหยุดราชการ จึงจะแจ้ง ให้ทราบ ในวันที่ 25 พ.ค. ที่เป็นวัน เปิดทำการ แต่หาก นางภานุมาศ ไม่เห็นด้วยกับ คำสั่งดังกล่าว ก็สามารถ ยื่นคำร้องคัดค้านต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 30 วัน นับแต่ วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง” นายสุทธิพล กล่าว


อนึ่ง พรรค พ.ป.ป. ดังกล่าว ไม่ใช่ พรรคการเมือง ของ พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ที่มีบทบาท ในการขับไล ระบอบทักษิณ และ ต่อต้านคอร์รัปชัน ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาแต่อย่างใด โดยพันธมิตรฯ จะมีการประชุม เพื่อตัดสินใจ ตั้ง พรรคการเมือง หรือ ไม่ ในวันที่ 24-25 พ.ค.นี้

astv_mgr-200จาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤษภาคม 2552 17:41 น.

พิมพ์ ข่าวนี้ กกต.ไม่รับจด ตั้งพรรค “พ.ป.ป.” ชี้ข้อบังคับ ผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพียบ


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

May 4, 2009

ศาลปกครอง เรียก “พัชรวาท”- บก.มติชน แจง หลังอ้าง ดำเนินคดี ASTV ไม่ได้ เพราะมี คำสั่งคุ้มครอง


ศาลปกครองเรียก “พัชรวาท”- บก.มติชน แจง หลังอ้าง
ดำเนินคดี ASTV ไม่ได้ เพราะมี คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

ศาลปกครองสูงสุด เรียก ผบ.ตร. และ บก.มติชนรายวัน เข้าให้ถ้อยคำ หลังอ้าง ดำเนินคดี ASTV ไม่ได้ เพราะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ของ ศาลปกครองสูงสุด ระบุ ทำให้ประชาชน เข้าใจผิด คิดว่า ศาลปกครอง คุ้มครอง ASTV ทั้งที่ มีความเหมือน ดีสเตชั่น เผย


กรมประชาฯ ถอนอุทธรณ์คดีที่ แพ้ ASTV โดย ศาลปกครองสูงสุด สั่งจำหน่ายคดี ออกจากสารบบแล้ว
ศาลปกครองสูงสุดเรียก ผบ.ตร.และ บก.มติชนรายวัน เข้าให้ถ้อยคำ หลังอ้าง ดำเนินคดี ASTV ไม่ได้ เพราะมี คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ของ ศาลปกครองสูงสุด

ศาลปกครองสูงสุดเรียก ผบ.ตร.และ บก.มติชนรายวัน เข้าให้ถ้อยคำ หลังอ้าง ดำเนินคดี ASTV ไม่ได้ เพราะมี คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ของ ศาลปกครองสูงสุด


วันที่ 4 พ.ค.รายงานข่าวจาก สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครอง แจ้งว่า สืบเนื่องจาก กรณีตามหนังสือพิมพ์ มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 21 เมษายน 2552 หน้า 2 ลง บทความ “คำแถลง สนง.ตร. แจงเหตุ คดีเหลือง-แดง ต่างกัน” และ มีประเด็นข้อความ ในลักษณะ แนวคำตอบ ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคณะ ฯลฯ” ซึ่งข้อความในบางตอนระบุว่า “ดีสเตชั่น ถูกจับดำเนินคดี ในข้อหาผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วน เอเอสทีวี มีข้อจำกัด ไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีได้ เนื่องจาก ได้รับความคุ้มครอง ตามคำสั่ง ศาลปกครองสูงสุด ที่ 147-148/2549 ลง วันที่ 24 เมษายน 2549 ปัจจุบัน ยังได้รับ ความคุ้มครอง ตามคำสั่ง ดังกล่าวอยู่”
ศาลปกครองสูงสุดเรียก ผบ.ตร.และ บก.มติชนรายวัน เข้าให้ถ้อยคำ หลังอ้างดำเนินคดี ASTV ไม่ได้ เพราะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองสูงสุด

ศาลปกครองสูงสุดเรียก ผบ.ตร.และ บก.มติชนรายวัน เข้าให้ถ้อยคำ หลังอ้างดำเนินคดี ASTV ไม่ได้ เพราะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองสูงสุด



โดยประเด็น ข้อความดังกล่าว บ่งบอกถึง เจตนาของผู้ให้ข้อความ ต้องการให้ ประชาชน หรือ ผู้อ่านเข้าใจผิด ว่า

ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งคุ้มครอง เอเอสทีวี ผู้กระทำความผิดเฉกเช่นเดียวกับ ดีสเตชั่น จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่สามารถจับกุมดำเนินคดี ในมาตรฐานเดียวกันกับ ดีสเตชั่น ซึ่งเป็นข้อความที่ สื่อความหมาย ผิดไปจาก ข้อเท็จจริงแห่งคดี

โดยประเด็น ข้อความดังกล่าว ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อเผยแพร่ หรือ โฆษณา ต่อ สาธารณชน ถือไม่ได้ว่า เป็นการ วิจารณ์การพิจารณา หรือ การพิพากษาคดี ของ ศาลปกครองสูงสุด ด้วยวิธีการทางวิชาการ

อันเป็นการกระทำ ที่น่าจะเข้าข่าย ผู้กระทำความผิด ฐานละเมิด อำนาจศาล ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้ง ศาลปกครองฯ พ.ศ.2552 ประกอบมาตรา 32(2) แห่ง ประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณา ความแพ่ง

ศาลปกครองสูงสุด จึงมีคำสั่ง ลงวันที่ 29 เมษายน 2552 ถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายสุวพงษ์ จั่นฝังเพ็ชร บรรณาธิการ ผู้พิมพ์โฆษณา หนังสือพิมพ์ มติชนรายวัน เรียกให้ เข้าไปให้ถ้อยคำต่อ ศาลในเรื่องนี้ โดยศาล นัดไต่สวน ใน วันที่ 13 พฤษภาคม 2552 เวลา 13.30 น.ที่ศาลปกครองสูงสุด ชั้น 3 ห้องพิจารณาคดี ที่ 12

ทั้งนี้ การที่ ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งเรียก ผู้เกี่ยวข้อง มาให้ถ้อยคำต่อศาล ในเรื่องดังกล่าวนั้น เนื่องจาก เห็นว่า ข้อความตอนหนึ่งที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ คณะ ได้แถลงต่อ สาธารณชน ตามที่ปรากฏใน ข่าวของ หนังสือพิมพ์มติชน ดังกล่าวนั้น

ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่าเป็นการให้ข้อมูล ที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และผิดไปจากข้อเท็จจริง แห่งคดี ซึ่งอาจทำให้ ประชาชน เกิดความเข้าใจผิด ได้ว่า ศาลปกครอง ปฏิบัติ สองมาตรฐาน

จึงเห็นควรเรียกให้ บุคคลทั้งสองราย เข้ามาให้ถ้อยคำต่อศาล เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ในประเด็นที่เกิดขึ้น รวมทั้งเพื่อ จะได้ทำให้เกิดความเข้าใจ ที่ถูกต้อง เกี่ยวกับข้อเท็จจริง แห่งคดีต่อไป

นอกจากนี้ สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครอง ได้เผยแพร่ บทความ เรื่อง คดีเอเอสทีวี (ASTV) ที่เคยตีพิมพ์ใน

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ฉบับวันที่ 27 กันยายน 2551 คอลัมน์นิติปกครอง โดย นายมหาชน เพื่อชี้แจง ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการพิจารณาคดีเอเอสทีวี ของ ศาลปกครอง

ซึ่งเป็นคดีที่ ฝ่ายเอเอสทีวี ได้ฟ้อง กรมประชาสัมพันธ์ ที่สั่งให้ กสท ระงับ การให้บริการดาวเทียมโกล็บแซต แก่ เอเอสทีวี เมื่อต้นปี 2549 ซึ่งศาลปกครองกลาง มี คำพิพากษา ให้ เอเอสทีวี ชนะคดี เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2551 โดยให้ กรมประชาสัมพันธ์ ชดใช้ค่าเสียหาย 120,000 บาท หลังจากนั้น ฝ่ายกรมประชาสัมพันธ์ ได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลปกครองสูงสุด

สำนักงาน ประชาสัมพันธ์ สำนักงาน ศาลปกครอง ชี้แจงข้อเท็จจริง อีกว่า คดีนี้ ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 1-3 ได้มีการอุทธรณ์ คำพิพากษาขอ งศาลปกครอง ชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) ต่อ ศาลปกครองสูงสุด และ ในเวลาต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดี ทั้งสามรายดังกล่าว ได้ร้องขอถอนอุทธรณ์ คำพิพากษาฯ

ศาลปกครองสูงสุด จึงได้มีคำสั่งคดี หมายเลขแดง ที่ อ.515/2551 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 อนุญาตให้ ถอนอุทธรณ์คำพิพากษา และ ให้จำหน่ายคดี ออกจากสารบบความ


สำหรับคดีนี้ บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พวกรวม 9 คน เป็นผู้ฟ้องคดีต่อ
กรมประชาสัมพันธ์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1
นายดุษฎี สินเจิมศิริ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
นางภัทรียา สุมะโน รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 4
นายพิศาล จอโภชาอุดม รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ รักษาการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 และ
นายจิรชัย สีจร รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ รักษาการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6

ในกรณีที่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่มีคำสั่ง ระงับการให้บริการ เครือข่ายดาวเทียมโกลบแซต ในการเผยแพร่ สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และ ระงับการให้ บริการ ระบบ อินเทอร์เน็ต ทั้งที่ บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม ไม่ได้กระทำการ ผิดสัญญาใดๆ จึงเป็นคำสั่ง ทางปกครอง ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ขัดต่อ รัฐธรรมนูญ มาตรา 37 ที่ว่าด้วย สิทธิเสรีภาพ ในการสื่อสาร ถึงกัน และ พ.ร.บ. ว่าด้วย ธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2545 นอกจากนี้ ยังขัดต่อ รัฐธรรมนูญมาตรา 39 วรรค 3 ในเรื่องของ การจำกัด สิทธิเสรีภาพ การแสดงความคิดเห็น ของ สื่อมวลชน

บทความเรื่อง “คดีเอเอสทีวี (ASTV)” ที่เคยตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ฉบับวันที่ 27 กันยายน 2551 คอลัมน์ นิติปกครอง โดย นายมหาชน

คดีเอเอสทีวี (ASTV)

ความพยายามของรัฐบาล ที่ต้องการยุติ การออกอากาศ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี (ASTV) ยังคงมีอยู่ ตลอดมา โดยอ้างว่า สถานีโทรทัศน์ ดังกล่าว ไม่ได้รับอนุญาต ให้จัดตั้งสถานี เพื่อแพร่ภาพออกอากาศ อันผิดกฎหมาย วิทยุกระจายเสียง และ วิทยุโทรทัศน์ และเป็น สื่อที่ปลุกระดมมวลชน

ท่านที่ติดตามข่าวคงจำได้ว่า คดีนี้ศาลปกครองกลาง ได้เคยมีคำสั่ง คุ้มครองชั่วคราว ให้ สถานีโทรทัศน์ ดังกล่าว สามารถออกอากาศได้ ตามที่ ผู้ฟ้องคดีคือ บริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด และ พวกได้ร้องขอ และ ต่อมา ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืน ตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ในการคุ้มครอง การออกอากาศ ของ สถานีโทรทัศน์ ดังกล่าว ต่อไป จนกว่า คดีจะถึงที่สุด หรือ จนกว่าศาล จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

กระทั่งใน วันที่ 31 มกราคม 2551 ศาลปกครองกลาง จึงได้มีคำพิพากษา ตัดสินในคดี โดยตัดสินให้ กรมประชาสัมพันธ์ (ผู้ถูกฟ้องคดี) เป็นฝ่ายแพ้คดี และ ต้อง ชดใช้ค่าเสียหาย เป็นเงิน จำนวน 120,000 บาท

ขณะนี้ คดีดังกล่าว ยังอยู่ในชั้นอุทธรณ์ เพราะผู้ถูกฟ้องคดี ไม่เห็นด้วย จึงยื่นอุทธรณ์ต่อ ศาลปกครองสูงสุด

วันนี้ ผมจึงขอนำ เหตุผลของ ศาลปกครองทั้ง กรณี คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และ คำพิพากษา มานำเสนอ เพื่อให้เกิด ความกระจ่าง ว่า เหตุใด สถานีโทรทัศน์ ดังกล่าว จึงยังสามารถออกอากาศได้ และ เหตุใด การกระทำของ กรมประชาสัมพันธ์ จึงผิดกฎหมาย และ ละเมิด ต่อ ผู้ฟ้องคดี

คดีนี้ ผมเห็นว่า สำคัญ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ สิทธิและเสรีภาพ ของประชาชนตาม กฎหมายรัฐธรรมนูญ

เป็นที่ทราบกันว่า สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี นั้น ต่างจาก สถานีโทรทัศน์ ฟรีทีวี ทั่วไป เพราะ สถานีโทรทัศน์ ดังกล่าว ใช้บริการ โกลบแซ็ต ในการยิงสัญญาณ จากรถถ่ายทอดสด ขึ้นดาวเทียมไทยคม เพื่อส่งสัญญาณ มาที่ ห้องส่ง ถนนพระอาทิตย์ ซึ่ง สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ได้ทำสัญญาเช่า ใช้บริการโกลบแซ็ต กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)

แต่ กรมประชาสัมพันธ์ เห็นว่า สถานีโทรทัศน์ ดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ จัดตั้งสถานี เพื่อแพร่ภาพออกอากาศ อันผิดกฎหมาย วิทยุกระจายเสียง และ วิทยุโทรทัศน์ จึงมีคำสั่งให้ บริษัท กสท.ฯ ระงับการส่งสัญญาณ แก่ สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ซึ่งเป็นต้นเหตุ ของการนำคดีขึ้นสู่ ศาลปกครอง และ ต่อมา ศาลปกครองกลาง และ ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งคุ้มครอง ให้สถานีโทรทัศน์ดังกล่าว สามารถออกอากาศได้ ตามปกติ ในระหว่างที่ คดียังไม่ถึงที่สุด

โดยศาลให้เหตุผล ในการคุ้มครองชั่วคราว สรุปใจความ ได้ว่า หากกรมประชาสัมพันธ์ เห็นว่า การออกอากาศ ของ ผู้ฟ้องคดี ผิดกฎหมาย วิทยุกระจายเสียง และ วิทยุโทรทัศน์ กรมประชาสัมพันธ์ ต้องร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ ดำเนินคดีอาญา

กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ กรมประชาสัมพันธ์ ในการที่จะสั่ง บริษัท กสท.ฯ ระงับ การส่งสัญญาณของ ผู้ฟ้องคดีได้

การกระทำของ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นการกระทบเสรีภาพ ในการสื่อสาร และ การสื่อความคิดเห็น ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ ได้รับรองไว้ การจะ จำกัด เสรีภาพดังกล่าวได้ ก็แต่โดยอาศัยอำนาจ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะ เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัว หรือ ความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคล อื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศีลธรรมอันดี ของประชาชน หรือ เพื่อป้องกัน หรือ ระงับความเสื่อมทราม ทางจิตใจ หรือ สุขภาพ ของประชาชน

โดยกรณีจะเป็นเช่นที่ว่า และมีผลให้ต้อง จำกัดสิทธิเสรีภาพดังกล่าวได้ ก็ต่อเมื่อ ได้มีคำพิพากษา ของศาลถึงที่สุด ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เพื่อการ ดังกล่าว โดยเฉพาะ เท่านั้น

ดังนั้น เมื่อยังมิได้มี คำวินิจฉัยชี้ขาด ของศาลเป็นที่สุด สิทธิเสรีภาพ ขั้นพื้นฐาน ของราษฎร ที่ รัฐธรรมนูญ ให้การคุ้มครอง จึงควรมี หลักประกันว่า จะไม่ถูกละเมิด ได้โดยง่าย ศาล จึงมีคำสั่งคุ้มครอง การออกอากาศสถานีโทรทัศน์ ดังกล่าว

สำหรับ คำพิพากษา ของศาลปกครองกลาง ซึ่งได้มีคำตัดสินไปแล้ว เมื่อต้นปี สรุปความได้ว่า กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ กรมประชาสัมพันธ์ ในการสั่ง บริษัท กสท.ฯ ระงับสัญญาณ ของผู้ฟ้องคดีได้

การกระทำดังกล่าว จึงเป็นการกระทำ โดยปราศจาก อำนาจ และเป็นการล่วงละเมิดสิทธิ ตามสัญญา ระหว่าง ผู้ฟ้องคดี กับ บริษัท กสท.ฯ อันก่อให้เกิด ความเสียหาย แก่ผู้ฟ้องคดี ในการไม่สามารถ ผลิต และ ส่งรายการ ตามกำหนด ตามที่ตกลงกับ บริษัทคู่สัญญาได้ ซึ่งจะต้องเสียค่าปรับ ในการผิดสัญญา ดังกล่าวด้วย

ประการสำคัญคือ การสั่งระงับสัญญาณนั้น ทำให้ผู้ฟ้องคดี ต้องเสียเสรีภาพ ในการสื่อสารถึงกัน โดยทางที่ ชอบด้วยกฎหมาย เสรีภาพ ในการแสดง ความคิดเห็น การรับรู้ ข้อมูลข่าวสาร ของประชาชน ฯลฯ ซึ่งรัฐธรรมนูญ ได้บัญญัติรับรองไว้ จึงควรมีหลักประกันว่า จะไม่ถูกละเมิด ได้โดยง่าย

ศาลปกครองกลาง จึงพิพากษา ให้เพิกถอนหนังสือของ กรมประชาสัมพันธ์ ที่ให้บริษัท กสท.ฯ ระงับการส่งสัญญาณ แก่ ผู้ฟ้องคดี และ ชดใช้ค่าเสียหาย แก่ผู้ฟ้องคดี เป็นเงิน 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ตามกฎหมาย

ผลจาก คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ของ ศาลปกครองสูงสุด และ คำพิพากษาของ ศาลปกครองกลาง จึงทำให้ สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี สามารถออกอากาศ ได้ดังทุกวันนี้

คดีนี้บทสรุปจะเป็นอย่างไร คงต้องรอคำชี้ขาดสุดท้ายจาก ศาลปกครองสูงสุด (คดีหมายเลขแดงที่ 131/2551)

astv_mgr-200ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤษภาคม 2552 17:58 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000049960


พิมพ์ ข่าวนี้ “ศาลปกครอง เรียก “พัชรวาท” – บก.มติชน แจง อ้างคำสั่งคุ้มครอง ขวางเอาผิด ASTV


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

April 27, 2009

เสธ.แดง ยัน ไม่มี เสื้อแดง ตาย ในช่วงสลายชุมนุม


เสธ.แดง ยันเสื้อแดง ไม่มีใครตาย ในช่วงสลายชุมนุม
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล


พล.ต.ขัตติยะ พูดจารื่นหู ยืนยัน ไม่มีใครเสียชีวิตจาก เหตุสลายชุมนุม ไม่เชื่อ พลทหารเสียชีวิต เพราะถูก ผู้บังคับบัญชาทำร้าย จากเหตุส่ง sms ถึงแม่ พร้อมตำหนิ “อนุพงษ์” ใช้ 2 มาตรฐาน สลายการชุมนุม ระหว่าง พันธมิตรฯ และ โจรหางแดง


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ให้สัมภาษณ์


วันนี้ (27 เม.ย.) พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก กล่าวว่า ไม่เชื่อว่า พลทหาร อภินพ เครือสุข จะถูกสั่งทำโทษ จนเสียชีวิต ที่บ้านพัก แม่ทัพภาคที่ 1 เพราะส่ง SMS ไปบอกมารดา ว่า นายกรัฐมนตรี อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว

เพราะจาก ประสบการณ์ ในการรับราชการทหาร ไม่เคยเห็น ผู้บังคับบัญชา ทำลูกน้องรุนแรง ถึงขั้น สั่งใช้กระบอกปืนฟาด จนเสียชีวิต ส่วนใหญ่ มักลงโทษ แค่สถานเบา เช่น การสั่งวิดพื้น หรือ วิ่งรอบสนาม 50 รอบ

แต่มูลเหตุการเสียชีวิต จะเกิดจากสาเหตุใด ตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าว ที่กลายเป็น ประเด็นทางการเมือง มองว่า เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมี นายทหารระดับแม่ทัพคนใด ที่นำ นักการเมือง เข้ามาอยู่ในค่ายทหาร จึงขอฝากถึง ทหารรุ่นน้อง ทุกนายว่า ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ การเมือง

พล.ต.ขัตติยะ ยังกล่าวตำหนิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ใช้ 2 มาตรฐาน ในการดูแล กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง โดยสมัย รัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการ ประกาศใช้ พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน พล.อ. อนุพงษ์ ได้ส่ง ส.ห.ไปดูแลความปลอดภัย ให้ กลุ่มผู้ชุมนุม พันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ในรัฐบาล ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.อ.อนุพงษ์ กลับสั่งทหาร ให้ออกไป ปราบปราม ผู้ชุมนุมเสื้อแดง

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จากการตรวจสอบของตน ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดง เสียชีวิตจาก การสลายการชุมนุม อย่างแน่นอน


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ให้สัมภาษณ์
จาก manager multimedia

astv_mgr-200ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 27 เมษายน 2552 17:02 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000047108


พิมพ์ ข่าวนี้ เสธ.แดง ยัน เสื้อแดงไม่มีใครตาย ในช่วงสลายชุมนุม


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

April 24, 2009

Thai Premier Abhisit Vejjajiva lifted state of emergency imposed in Bangkok

Filed under: การเมืองภาคประชาชน,การแก้ไข รธน.,ก่อความไม่สงบ,ข่าวการเมือง,ข่าวรอบโลก,ข่าวสังคม,ข่าวเมืองไทย,คดีอาญา,ความขัดแย้ง,ความมั่นคง,ความรุนแรง,คุณธรรม,จริยธรรม,ประวัติศาสตร์ไทย,พ.ร.ก.ฉุกเฉิน,พันธมิตรประชาชน,หมายจับ,หมิ่นเบื้องสูง,อาชญากรรม,เสื้อแดง,conflict,Constitution 2007,criminal,Crisis,Demonstration,PAD,Politic,state of emergency,Thailand,Violence — accomthailand @ 16:14
Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

Thai Prime Minister Abhisit Vejjajiva (C) addresses a press conference at the Government House in Bangkok on April 24, 2009


Thai Prime Minister Abhisit Vejjajiva (C) addresses a press conference at the Government House in Bangkok on April 24, 2009. Thai Premier Abhisit Vejjajiva lifted a nearly two-week-old state of emergency imposed in Bangkok amid violent protests, but the government said some troops would remain on the streets.

อ่าน Details in Thai – รายละเอียด
From daylife.com – 24 April 2009


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

“มาร์ค”สั่งเลิกฉุกเฉินใน กทม.แล้ว-ซัด “แม้ว”โกหกจาบจ้วงในหลวง


“มาร์ค”สั่งเลิกฉุกเฉินใน กทม.แล้ว-ซัด “แม้ว”โกหกจาบจ้วงในหลวง
นายกฯ สั่งเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลแล้ว หลังหารือ ฝ่ายความมั่นคง เพื่อลดความขัดแย้ง

นายกฯ สั่งเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลแล้ว หลังหารือ ฝ่ายความมั่นคง เพื่อลดความขัดแย้ง


นายกฯ สั่งเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ กทม. และ ปริมณฑล แล้ว หลัง หารือ ฝ่ายความมั่นคง เพื่อลดความขัดแย้ง

พร้อมวอนยุติจาบจ้วง -แอบอ้างสถาบัน หวังสังคมไทยหมดความรุนแรง-ไร้คนจาบจ้วง

เผยตรวจสอบ กรณี “แม้ว” ให้สัมภาษณ์ ละเมิดในหลวง ผ่านสื่อนอกแล้ว ยืนยันว่าคำพูด “นักโทษชาย” มีแต่โกหก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างอภิปรายในที่ประชุมร่วมกันของสองสภา เมื่อช่วงหลังเที่ยงคืน ที่ผ่านมาว่า
เพื่อเป็นการลดความขัดแย้ง จากการแสดงความคิดเห็น ของหลายๆ ฝ่าย ที่กังวลต่อ บรรยากาศ การประกาศใช้ พ.ร.ก. บริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ตนจึงได้เร่งหารือกับ ฝ่ายความมั่นคง และ ตัดสินใจแล้วว่า จะยกเลิก การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล ทันทีตั้งแต่วันนี้ (24 เม.ย.)

ต่อมานายอภิสิทธิ์ กล่าวถึง การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า ขอความกรุณา ทุกท่านที่ต่างก็ยืนยันถึง ความจงรักภักดี ให้ช่วยกัน ในเรื่อง การจาบจ้วง การแอบอ้าง ต้องยุติ ด้วยความร่วมมือ ของทุกฝ่าย และ จำเป็นต้องพูด พาดพิงเล็กน้อย เนื่องจาก อดีตนายกฯ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่หลบหนีคดี อยู่ต่างประเทศ) ได้พูดต่อเนื่อง มาหลายวัน ยังคงมีการพาดพิงถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ ล่าสุดเมื่อ วันที่ 20 เม.ย.ได้ให้สัมภาษณ์ หนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียลไทมส์ ไปไกลเลย โดยอ้างว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบถึง การวางแผนรัฐประหาร 19 ก.ย. โดยมีการเข้าเฝ้า ของ องคมนตรี 3 ท่าน

กรณี แม้ว ให้สัมภาษณ์ละเมิดในหลวงผ่านสื่อนอก

กรณี แม้ว ให้สัมภาษณ์ละเมิดในหลวงผ่านสื่อนอก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ ในฐานะเป็นรัฐบาล ตนจำเป็น ต้องตรวจสอบ และได้ตรวจสอบแล้ว กับ บุคคลที่เกี่ยวข้อง

ขอยืนยันว่า สิ่งที่อดีตนายกฯ พูด ไม่เป็นความจริง และ จะขอความกรุณาว่า เมื่อเราหันหน้าเข้าหากัน ในส่วนของพวกเรากันเอง ที่จะไปพาดพิง หรือ ร้ายกว่า นั้น ในลักษณะของ การจาบจ้วง ถึง สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ต้องหยุด และ ไม่สนับสนุน

ส่วนที่เพื่อนสมาชิก อีกซีกหนึ่ง อ้างว่า มีการแอบอ้างจากบางฝ่าย เราก็ต้องช่วยกันแก้ไข โดยเฉพาะเมื่อ มีการอภิปรายถึง การรณรงค์ปกป้องสถาบัน โดยมี เสื้อสีน้ำเงิน เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ได้ทำความเข้าใจ กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แล้วว่า การรณรงค์ ปกป้องสถาบัน ต้องไม่มีสี เพราะทุกสี ต้องปกป้อง สถาบัน ด้วยกัน ทั้งสิ้น

ประเด็นต่อมา เรื่องความรุนแรง ซึ่ง เชื่อว่าพี่น้อง ที่มาชุมนุมส่วนใหญ่ ไม่ได้คิดเรื่องนี้ และที่ ทุกคนพยายาม บอกว่า เหตุความรุนแรงทั้งหลาย ที่ พัทยา รถแก๊ส ที่ซอย 5 ซอย 7 ก็ตาม ไม่ใช่การกระทำ ของผู้ชุมนุมนั้น แสดงว่า ท่านไม่เห็นด้วยกับ การใช้ความรุนแรง

นอกจากนี้ ไม่ใช่แกนนำทุกคนที่ ยึดแนวทางนี้ เมื่อ วันที่ 21 เม.ย. นายจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์ กับ บีบีซี ว่า ต่อไปนี้ การเคลื่อนไหวของ ผู้ชุมนุม อาจจะใช้อาวุธ จึงขอความกรุณาว่า ถ้าเราจะ หันหน้าเข้าหากัน ทุกคนทุกพรรค ในที่นี้ ต้องบอกว่า ไม่ยอมรับ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ ก็ง่าย ต่อการทำงานร่วมกัน เราจะได้ไม่ต้องรู้สึกกังวลต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่สุด เรื่องสถาบันก็ดี ความรุนแรงก็ดี ไม่มีอีกแล้ว การชุมนุม หรือ การแสดงออก ถึงความแตกต่าง ด้านความคิดเห็นทางการเมือง ทำได้เต็มที่ ทุกฝ่าย จะมีความสบายใจ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ได้ติดตามการเคลื่อนไหว ในช่วงก่อน และหลัง การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงบอกว่า ไม่อยากให้ คนจำนวนมากที่มา ด้วยใจบริสุทธิ์ มาต่อต้าน ความไม่เป็นธรรม ตามความรู้สึกของเขา ถูกชี้นำโดย คนจำนวนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งพร้อมจะใช้ความรุนแรง มีการประกาศเป็น แผน ด้านหนึ่ง จะใช้ความรุนแรง ให้เกิดความไร้ระเบียบ เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ หรือในทางกลับกัน ให้รัฐบาล ใช้ความรุนแรงตอบโต้ เพื่อนำไปสู่ปัญหา ที่จะตามมากับ รัฐบาล

“ทำกันหมดละครับ ผมก็เห็นแผนชัด กังวลเลยครับ เพราะขนาดหมอดู ยังฟันธงว่า ผมวาสนาหมดแล้ว จึงอยากจะกราบเรียนว่า ถ้าเราออกจาก กรอบตรงนี้ ไปได้ ผมว่าเราเดินได้”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 2 เรื่องที่จะดำเนินการต่อคือ เรื่องของการประมวลพิสูจน์เหตุการณ์ก็ดี การแก้ไขกฎหมายใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมก็ดี ก็ทำไป ขณะเดียวกัน ก็ขอโอกาส ให้กับประเทศ แก้ตัว จัดประชุมอาเซียนให้สำเร็จ ถ้าเป็นไปได้ ในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียง ของเรา และ ให้เวลาอีก สักระยะ ในการออกมาตรการ แก้ไขปัญหา วิกฤติเศรษฐกิจ นี่คือประโยชน์ของทุกฝ่าย

นอกจากนี้ อยากจะกลับไปทำหน้านี้ ในฐานะนักการเมืองได้ ทำไมตนจะไม่อยากไปเชียงใหม่ เพราะตอนนี้การท่องเที่ยว กระทบมหาศาล อยากไปดูศูนย์ประชุม หาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ และลำไย ก็กำลังมีปัญหา

ทำไมตนจะไม่อยากไปอีสาน เพราะรู้ว่าเรื่องใหญ่ในอีสาน คือ เรื่องน้ำ จะเป็นโครงการสำคัญ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำไมจะไม่อยากให้ ส.ส. ฝ่ายค้าน อยากจะลงตรวจสอบพื้นที่ไหน ก็ลงไปได้ หลังจากนั้นก็จะปูทางไปสู่การเลือกตั้ง ก็ไม่มีปัญหา

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้ ก็จะถือว่าเราได้ใช้ ก้าวสำคัญ ผ่าน กระบวนการของรัฐสภาใน 2 วันนี้ เพื่อนำความสงบสุข กลับคืนมา ตนเข้ามา ทำงาน การเมือง เพราะมีเป้าหมายเพียง เพื่อทำงานเพื่อประชาชน และมีความสุข กับ การทำงาน

แต่จะมีความสุขได้อย่างไร ถ้าบ้านเมืองของเรา ยังมีความขัดแย้ง กันเอง ยังมีความรุนแรงอยู่ และไม่เคยให้ความสำคัญว่า จะอยู่ในตำแหน่ง นานแค่ไหน แต่ เมืองไทยมี คนเก่งคนดีจำนวนมาก ต้องไม่สำคัญผิดว่า ต้องเป็นเราเท่านั้น ที่จะทำได้ แต่ตนจะถือว่า เมื่อทำหน้าที่ใดแล้วก็ทำให้ดีที่สุด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า 2 วันที่ผ่านมา มีการกระทบกระทั่งกันบ้าง จนหลายคนกังวลว่า เวทีสภาจะยิ่งเพิ่มขัดแย้ง แต่ตนเห็นว่าไม่ใช่ เพราะการได้แสดง ความรู้สึก เอาสิ่งที่อยู่ในใจ ออกมาไว้ข้างนอก ก็ปล่อยผ่านไปแล้ว ไม่เก็บเอามาเป็นอารมณ์ และ ขอเสนอให้ประธาน และ ประธานวิปทั้ง 3 ฝ่าย นำไปพิจารณาถึง ความศักดิ์สิทธิ์ และ ความสำคัญของ สถาบันแห่งนี้ และเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาต่อไป

astv_mgr-200ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 24 เมษายน 2552 01:42 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000045904


พิมพ์ ข่าวนี้ “มาร์ค” สั่งเลิกฉุกเฉินใน กทม.แล้ว – ซัด “แม้ว” โกหก จาบจ้วงในหลวง


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

April 22, 2009

คลิป ตร.สอบพยาน ที่เห็น คนยิง สนธิ

http://video.sanook.com/ตร.สอบพยานเห็นคนยิงสนธิ-395451-player.html


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

พล.อ.สมเจตน์ ค้านนิรโทษกรรม “นช.แม้ว” ไม่สำนึกผิด แล้วสร้างความเสียหายให้ประเทศ


“สมเจตน์” ค้านนิรโทษกรรม “นช.แม้ว” ซัดไม่สำนึก ยังป่วนชาติ
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคมช.

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคมช.


“พล.อ.สมเจตน์” หนุนแนวคิด “มาร์ค” ยอมให้อภัย ลดปัญหาขัดแย้ง แต่แนะ ควรให้อภัยคนที่ทำผิดแล้ว มีสำนึก ค้านนิรโทษกรรม “นช.แม้ว” ชี้ เลยเส้น การให้อภัย ซัดไม่สำนึก ทั้ง ยังสร้างความเสียหาย แก่ประเทศ พร้อมค้าน แก้รัฐธรรมนูญ ชี้ รัฐธรรมนูญไม่ผิด ผิดที่คนใช้ ยันเหตุยุบพรรค เกิดจาก พฤติกรรมชั่ว ที่ทำผิดกฎหมาย ต้องมี บทลงโทษ ที่ชัดเจน


วันนี้ (22 เม.ย.) พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้า สำนักงานเลขาธิการ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึง แนวความคิด ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่อาจจะ นิรโทษกรรม ให้กับนักการเมือง เพื่อลดความขัดแย้ง ทางการเมือง ว่า การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องให้อภัย คนที่กระทำความผิดแล้ว มีสำนึกว่า ทำผิด แต่การให้อภัยกับ คนที่ไม่สำนึก แล้วยังสร้าง ความเสียหาย ให้กับประเทศชาติ ดังนั้น บุคคลเช่นนี้ ควรให้อภัยหรือไม่

“การนิรโทษกรรม ต้องดูว่า นิรโทษกรรมใคร แต่หากนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มันเลยขีดนั้นมาแล้ว นอกจากไม่สำนึกผิด แล้ว ยังสร้างความเสียหาย ให้ประเทศ ดังนั้น ผมไม่เห็นด้วย กับการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว

พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า การให้อภัยในส่วนของ การยุบพรรคการเมือง ทั้ง 111 กรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย และ 109 กรรมการบริหาร พรรคการเมือง ที่ถูกยุบ ต้องดูว่า การเมืองไทย มีปัญหามาก เพราะการเลือกตั้ง ไม่บริสุทธิ์ ใช้เงินซื้อเสียง ใช้อำนาจ ไม่เป็นธรรม เมื่อเข้ามาตั้ง รัฐบาลแล้ว ก็หาประโยชน์ให้กับ ตัวเอง มูลเหตุของ 111 และ 109 กรรมการบริหาร พรรคการเมือง ส่วนหนึ่งมาจาก การใช้อำนาจไม่เป็นธรรม

“กรณีพรรคไทยรักไทย จ้าง พรรคเล็ก มาเลือกตั้งในเขต ที่ไม่มีพรรคการเมืองอื่น ลงแข่งขัน เพื่อเลี่ยง และ ตัดประเด็น คะแนนเสียงประชาชน ต้องเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ ในเขตที่มี พรรคการเมืองเดียว ส่งผู้สมัครแข่งขัน อันเป็นต้นเหตุ การยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคอื่น ที่เกี่ยวกับ การซื้อเสียง เป็นภัยร้ายแรง ของ ระบอบประชาธิปไตย หากกรณีนี้ เราไม่ลงโทษ ให้เขาสำนึก เมื่อได้คนผิด มาลงโทษ แล้วมาพูด นิรโทษกรรม ก็ต้องดูว่า เหมาะสมหรือไม่” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว

เมื่อถามถึงแนวคิดแก้รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 เพื่อคลี่คลาย ข้อขัดแย้ง ทางการเมือง พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ เพราะ รัฐธรรมนูญ เป็นการร่างกฎหมาย ขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสม กับสถานการณ์ แต่ละช่วง ซึ่งการแก้ไข ก็ทำได้

แต่ รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 มาจาก ประชามติ ของประชาชน ดังนั้น ต้องพิจารณาใน 3 เรื่องหลัก คือ

1.แก้อะไรในรัฐธรรมนูญ
2.ประชาชนต้องเห็นด้วย
3.ต้องแก้เพื่อประโยชน์ส่วนร่วม ไม่ใช่เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ขณะนี้เขาต้องการให้แก้ มาตรา 237 และ 309

ซึ่งมาตรา 237 เกิดจากปัญหาการเลือกตั้ง ที่ไม่บริสุทธิ์ ถือเป็นความร้ายแรง ในประชาธิปไตย หากต้องการให้ การเมืองไทย เจริญเหมือนชาติอื่น ต้องทำ การเมือง การเลือกตั้ง ให้บริสุทธิ์

รัฐธรรมนูญไม่ผิด แต่ นักการเมือง เป็นผู้ที่มากระทำความผิด

ซึ่งมาตรา 309 เป็นเรื่องเดียวกับ การนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้อง ตนขอคัดค้านเต็มที่ ไม่สมควรแก้รัฐธรรมนูญมาตรานี้

“มาตรา 237 ที่มาโดย พรรคไทยรักไทย ซึ่ง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และ นายพงษ์ศักดิ์ รัชตพงษ์ไพศาล รองหัวหน้าพรรค ไทยรักไทย ไปจ้าง พรรคพัฒนาชาติไทย เพื่อลงเลือกตั้ง เลี่ยงประเด็น ต้องมีคะแนนเสียงประชาชน เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันตราย ต่อประชาธิปไตย เมื่อจับได้ พรรคไทยรักไทย ก็ตะแบง ว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ของ พล.อ.ธรรมรักษ์ ไม่เกี่ยวกับ พรรค เป็นการเลี่ยงบาลี

มาตรา 237 จึงเป็นการป้องกัน ไม่ให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ หากเป็น กรรมการบริหารพรรค ทำผิดกฎหมาย ต้องถือว่า เป็นการกระทำ ของ พรรคการเมือง ด้วย ผมไม่เห็นด้วย กับการแก้มาตรา 237” อดีตหัวหน้า สำนักงานเลขาธิการ คมช.กล่าว

พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ คงพยายามหาทาง แก้ความขัดแย้ง แต่ต้องมองให้ลึกซึ้งว่า ต้นเหตุของ 2 มาตรานี้ มาจากอะไร และ มูลเหตุ ที่ กลุ่มพันธมิตร ออกมาเคลื่อนไหว เมื่อ เดือนพฤษภาคม 2551 ก็เพื่อคัดค้าน การแก้ไข รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ที่มีเป้าหมาย เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่เป็นประโยชน์ กับส่วนรวม

ดังนั้น การแก้มาตรา 237 และมาตรา 309 อาจสร้างความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้งได้

astv_mgr-200ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 22 เมษายน 2552 19:22 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000045256


พิมพ์ ข่าวนี้ “สมเจตน์” ค้านนิรโทษกรรม “นช.แม้ว” ซัดไม่สำนึก ยังป่วนชาติ


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

February 7, 2009

“สนธิ” จวก “จงรัก” แฉ 3 เครือข่าย ขายวิญญาณให้ “ทักษิณ”

Filed under: การประชุมอาเซียน,การเงินของโลก,การเมืองภาคประชาชน,การแก้ไข รธน.,ก่อความไม่สงบ,ข่าวการเมือง,ข่าวฉาว,ข่าวประชาสัมพันธ์,ข่าวสังคม,ข่าวเมืองไทย,ข่าวเศรษฐกิจ,ข้อมูลควรอ่าน - Recomendation,ความขัดแย้ง,ความมั่นคง,ความรุนแรง,คอร์รัปชั่น,คุณธรรม,คุณภาพชีวิต,จริยธรรม,ตรวจสอบ,ทุจริต,ธรรมาภิบาล,ประวัติศาสตร์ไทย,พันธมิตรประชาชน,ภาคการเงินของโลก,วิกฤติ,หมายจับ,หมิ่นเบื้องสูง,อาชญากรรม,เสื้อแดง — accomthailand @ 06:51
Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

“สนธิ” แฉ 3 เครือข่าย หนุน “นช.แม้ว” จวก “จงรัก” ขายวิญญาณให้ “ทักษิณ”
สนธิ แฉ 3 เครื�ข่าย หนุน นช.แม้ว

สนธิ แฉ 3 เครือข่าย หนุน นช.แม้ว


“สนธิ” ชำแหละเครือข่าย “ระบอบแม้ว” แฉ “พรรคร่วม” ตีสองหน้า แอบสบคบคิด “ทักษิณ” ขณะที่ “ตำรวจ” เอียงข้างปล่อย “ม็อบเสื้อแดง” บุกตี “พันธมิตรฯ” อัดยับ “จงรัก ซานติก้า” เก่งแต่ดำเนินการ กับ “สนธิ” แต่ไม่ดำเนินคดี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กับ “ม็อบถ่อย” สุดช้ำ ตร.สั่งไม่ฟ้องคดี “เสื้อแดง” บุกทำลาย “บ้านป๋าเปรม”


รายการ “พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวี ของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-23.00 น. วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552 พบกับ การปราศรัย ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”

คลิกที่นี่ เพื่อชม รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” (56 K)
คลิกที่นี่ เพื่อชม รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” (256 K)
จาก manager multimedia


สนธิ – พี่น้องครับ วันนี้มีเรื่องพูด เยอะเหลือเกิน ผมเลยต้องพูด 2 ช่วง เรื่องที่จะพูดนั้นมีอยู่ประมาณ 3-4 เรื่อง ผมจะมาออกรายการทุกๆ วันศุกร์ กับพี่น้อง เป็นประจำนะครับ

ก่อนจะเข้าสู่เรื่อง ขออนุญาตนิดหนึ่ง พูดเรื่องข่าว ที่จะเรียกว่าประชาสัมพันธ์ก็ได้ หรือจะเป็นข่าว ที่จะขอร้องกันก็ได้ พี่น้องนอกจาก คอนเสิร์ตการเมือง ที่พี่น้องหลายท่าน จะไปกัน และหลายจังหวัด จัดกันแล้ว ยังมี คอนเสิร์ตอีก 2 ครั้ง เป็น คอนเสิร์ตดนตรี ที่ผมต้องขอร้อง พี่น้องกัน คอนเสิร์ตแรกคือ คอนเสิร์ตของ แฮมเมอร์ วันที่ 21 กุมภาพันธ์

ผมอยากจะเชิญชวนพี่น้อง ที่ฟังข่าวนี้ ฟังเรื่องฟังราวนี้ ไปกันให้หมด เพราะว่า แฮมเมอร์ วงดนตรีที่ไม่เคยหลบ แอบ ในเรื่องของจุดยืน ในการรัก พระมหากษัตริย์ นะครับ แฮมเมอร์อยู่กับเรามาตลอด

ตั้งแต่ รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่สวนลุมพินี เรื่อยมา จนกระทั่งฝ่าดงลูกปืน ระเบิด ฝ่าความชั่วร้าย ร่วมต่อสู้กับ พวกสัตว์นรกทั้งหลาย จนกระทั่ง วันนี้ 30 ปี ของ แฮมเมอร์ นั้น พวกเรา ถ้าต้องการแสดงน้ำจิตน้ำใจให้ แฮมเมอร์ เราไปกันให้เต็ม อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก


เรื่องที่ 2 คือ รายการเวที พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย จากนี้ไป ในห้องส่ง จะไม่มีแล้ว จะมี เฉพาะวันศุกร์ที่นี่ วันศุกร์ เท่านั้นเอง

ส่วนรายการในห้องส่งนั้น ก็จะเปลี่ยนไป คุณแอน จินดารัตน์ จะมาในมาดใหม่ใน รายการ ที่เรียกว่า “แอน-จินดารัตน์” เป็นรายการคุณแอน จินดารัตน์ มีรายการ “คนในข่าว” “ค.คนคอข่าว” ซึ่งจะเป็น เรื่องเศรษฐกิจ ต่างประเทศ สังคม และ เตรียมพบกับ รายการคุณภาพ “ตัวโน้ตพันธมิตร” คนจัดทำคือ นักร้องพันธมิตรฯ ชื่อ มิเกล

และเตรียมพบกับ รายการออดิชั่น นักแสดง และ นักร้องหน้าใหม่ ของ เอเอสทีวี ที่ พี่ตั้วเป็นคนจัดนะครับ ผมอยากจะฝากผ่านเวทีนี้ไปยัง พ่อแม่พี่น้อง ชาวพันธมิตรฯ อเมริกา USA ที่ลอสแองเจลิส และทุกๆแห่ง

ASTV ได้จัดรายการ พันธมิตรฯ ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปที่ สหรัฐอเมริกา เพื่อจะไปขอบคุณ คนไทยในอเมริกา ที่เป็นกำลังใจมาให้เรา ตลอดหลายปี และ ก็ร่วมส่งเงินส่งทอง และ จัดกิจกรรมร่วมกัน การไปครั้งนี้ เราจะไป 40 กว่าชีวิต และ

6 กุมภาพันธ์ 2552 พบกับ การปราศรัย ข�ง นายสนธิ ลิ้มท�งกุล แกนนำ พันธมิตรประชาชน เพื่�ประชาธิปไตย

6 กุมภาพันธ์ 2552 พบกับ การปราศรัย ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย


จะเป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ ที่แกนนำ ทั้ง 5 คน รุ่น 1 และรุ่น 2 ไปด้วย ยากที่สุด แต่สำเร็จแล้ว คือการเชิญ พี่จำลอง ศรีเมือง ไป

และในที่สุด พี่จำลอง ก็ยอมไป การไปครั้งนี้ พวกเรา จะขอความร่วมมือไปที่ พันธมิตรฯ USA ที่ แอลเอ นะครับ แล้วอีกหลายๆกลุ่ม ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง เหมือนกัน มาร่วมงานกัน และ ก็ขอให้มาช่วยงาน ที่พวกเราไปจัดกันครับ

เหตุผลที่เราไปจัดที่ แฟร์กราวน์ ที่ลอสแองเจลิส นั้น แทนที่จะไปจัดในที่เก่า ที่เราเคยจัด มีหลายท่านถามว่า ทำไมเราไม่ไปจัดที่ สนามม้าฮอลลีวูด ปาร์ก ผมก็กราบเรียนพ่อแม่พี่น้องว่า ที่ไม่ไปที่ตรงนั้น ก็เพราะว่า เป็น สถานการพนัน และ พี่ จำลอง ศรีเมือง คงไม่ไปแน่นอนนะครับ

การไปครั้งนี้จะไป คอนเสิร์ต วันที่ 14 ก็อยากจะเรียนพี่น้อง ที่อยู่หลายๆ เมืองว่า ตามที่มีข่าวว่า มีคนไปบอกว่า อย่าได้มาที่ แอลเอเลย วันที่ 14 เพราะ หลัง วันที่ 14 แล้ว จะมี คุณสำราญ รอดเพชร คุณประพันธ์ คูณมี และ คุณพิเชฐ พัฒนโชติ นั้นจะเดินสาย ไปตามเมืองต่างๆ นั้น ไม่มีแล้วนะครับ

เพราะว่าทั้ง คุณประพันธ์ คูณมี คุณสำราญ รอดเพชร และ คุณพิเชฐ พัฒนโชติ อยากให้ พี่น้องในอเมริกา มาชุมนุมกันที่ แอลเอ มากที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว ที่มีข่าวว่า จะไปพูดตามที่ เมืองโน้นเมืองนี้ ในข้อเท็จจริงแล้ว ไม่มีนะครับ อย่าไปเชื่อ ข่าวที่ไหน เป็นอันขาดนะครับ เพราะฉะนั้น ข่าวนี้ ผมก็เลยถือโอกาสแจ้งผ่าน เอเอสทีวี มายังที่ พ่อแม่พี่น้อง พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยใน ยูเอสเอ


และ ต้องขอขอบพระคุณ พันธมิตรฯ ยูเอสเอที่ แอลเอ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มไหนก็ตาม ขอให้ละทิ้ง ความมี อคติส่วนตัวกัน เอาส่วนรวม เป็นที่ตั้ง แล้วมาร่วมมือกัน ทำให้งาน พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย มาเยือน usa นั้น เป็นงาน ที่ประสบความสำเร็จ และก็แสดงให้เห็นถึง พลังของคนไทย ในต่างแดนนั้น ไม่แตกแยกกันเด็ดขาด เมื่อมาถึง เรื่องของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ราชบังลังก์ ครับ


พี่น้องครับ มีอีกโครงการหนึ่ง ซึ่ง ASTV และพันธมิตรฯ จะร่วมกันทำ เพื่อพ่อแม่พี่น้อง คือ โครงการ ทวงภาษี และ ทรัพย์สิน ของ คนไทย กลับคืนมา นะครับ

ASTV และพันธมิตรฯ จะร่วมกันทำ เพื่�พ่�แม่พี่น้�ง คื� โครงการ ทวงภาษี และ ทรัพย์สิน ข�ง คนไทย กลับคืนมา

ASTV และพันธมิตรฯ จะร่วมกันทำ เพื่อพ่อแม่พี่น้อง คือ โครงการ ทวงภาษี และ ทรัพย์สิน ของ คนไทย กลับคืนมา


สืบเนื่องมาจาก ปี พ.ศ.2540 ที่มี คณะกรรมการปฏิรูปทางการเงิน คือ ปรส. เกิดขึ้น ได้มีการขาย ทรัพย์สินของ คนไทยในราคาถูก ให้ต่างชาติ อย่างไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย กองทุนเหล่านี้ จะประมูลหนี้ไป ในราคาต่ำ และ ไปเรียกคืนหนี้ กับลูกหนี้คนไทย เอารัดเอาเปรียบ จนคนไทย จำนวนมาก ต้องล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว และ มีอีกที่ต้องฆ่าตัวตาย

บัดนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งฟ้องคดี อดีตผู้บริหาร ปรส.แล้ว ที่ทำผิดกฎหมาย ก็เลยทำให้ พวกกองทุน ที่ปล้นคนไทย ทั้งหลาย เร่งทวงหนี้ และ เร่งฟ้องล้มละลาย ลูกหนี้คนไทย เพื่อเร่งเอาทรัพย์สิน ขายทอดตลาด และ เตรียมขนเงิน ออกนอกประเทศ

กองทุนเหล่านี้ สมคบกับ ก.ล.ต. กรมสรรพากร หลีกเลี่ยงภาษีไป นับแสนล้านบาท โดยที่ ชาติไม่ได้อะไรเลย แท้ที่จริงแล้ว การรู้ไม่เท่ากัน กระบวนการฉ้อฉล ทำให้เจ้าหนี้ อีกเยอะ ต้องแพ้คดี แต่เจ้าหนี้ ที่รู้เท่าทันขบวนการนี้ ทุกคนสู้คดี และ ชนะหมด ศาลยกฟ้องหมด ชนะหมดเลย นะครับ

เพียงแต่น่าเสียดาย คนที่รู้ไม่เท่าทัน เพราะว่าเข้าไม่ถึง ข้อมูลข่าวสาร ถ้าพิสูจน์ความจริงได้ ก็สามารถ จะกลับลุกขึ้นยืนมาใหม่ได้ และ ยังได้รับ ทรัพย์สินของตัวเอง กลับคืนมา ด้วยความเป็นธรรม

น่าเสียดาย เวลามันผ่านมานานแล้ว จนกระทั่งมัน จะหมดอายุความ กลางปีนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ร่วมกับ ศูนย์ประสานงาน ลูกหนี้แห่งชาติ จะร่วมกันทำ โครงการทวงคืน ภาษี และ ทรัพย์สินของคนไทย กลับคืนมา

เราจะมีรายการนี้ทาง เอเอสทีวี ประมาณกลางเดือนนี้ เพื่อบอกให้ประชาชน รู้เท่าทันข้อมูล ในการต่อสู้ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ หมายความว่า เราจะสอนวิธีสู้ว่า พวกนี้ผิดกฎหมายอย่างไร ว่าพวกนี้ฉ้อฉล เราอย่างไร และ เราจะเปิดให้มีการลงทะเบียน เพื่อแต่งตั้ง ทนายความ ในการฟ้องกลับ กองทุน ที่มิชอบด้วยกฎหมาย ให้ถึงที่สุด และ ทวงทรัพย์สิน ของคนไทย กลับคืนมา ด้วยความเป็นธรรม และเราก็จะดำเนินคดี กับเจ้าหน้าที่ใน กรมสรรพากร ก.ล.ต. ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยอมเรียก กองทุนปล้นชาติ ที่ไม่ยอมจ่ายภาษีให้กับรัฐ นั่นคือสิ่ง ที่เราจะทำนะครับ

เพราะฉะนั้น ภารกิจหน้าที่ของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นี่คือภารกิจ ที่จะต้องรับผิดชอบ กับชีวิตความเป็นอยู่ ของ พ่อแม่พี่น้อง ที่ไม่ได้รับ ความเป็นธรรม ในทุกรูปทุกแบบ เราไม่ใช่เพียงเป็นแต่ ภาคประชาชน ที่มาต่อสู้ ในทางการเมือง เท่านั้น อันนี้คือ ความไม่เป็นธรรม ที่เกิดขึ้นจาก การเมือง ยกตัวอย่าง บริษัท ธนาคารเกียรตินาคิน เจริญเติบโต มาด้วยการไล่ซื้อหนี้ ของ ปรส. และ ลูกเขยของ เกียรตินาคิน ก็ชื่อ พงศ์เทพ เทพกาญจนา

 คนไทยถูกเหยียบย่ำมา ตั้งแต่ปี 2540 จากการ ลดค่าเงินบาท ซึ่งคนซึ่งลดค่าเงินบาทนั้น ชื่� ทนง พิทยะ และมีความเชื่� โดยที่ ศาลฎีกา ได้พิพากษา ยกฟ้�ง คุณสุเทพ เทื�กสุบรรณ ที่ คุณสุเทพ พูดบ�กว่า คุณทักษิณ รับรู้เรื่�งนี้จาก คุณโภคิน พลกุล ก็เลยทำให้ คุณทักษิณ ร่ำรวยจาก การลดค่าเงินบาท

คนไทยถูกเหยียบย่ำมา ตั้งแต่ปี 2540 จากการ ลดค่าเงินบาท ซึ่งคนซึ่งลดค่าเงินบาทนั้น ชื่อ ทนง พิทยะ และมีความเชื่อ โดยที่ ศาลฎีกา ได้พิพากษา ยกฟ้อง คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ คุณสุเทพ พูดบอกว่า คุณทักษิณ รับรู้เรื่องนี้จาก คุณโภคิน พลกุล ก็เลยทำให้ คุณทักษิณ ร่ำรวยจาก การลดค่าเงินบาท

ตอนที่ คุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็น รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม ได้มีการดำเนินการให้ กรมบังคับคดี เปลี่ยนแปลง ระเบียบข้อบังคับ หลายอย่าง เพื่อเอื้อประโยชน์กับ เจ้าหนี้

เพราะฉะนั้นแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า คนไทยถูกเหยียบย่ำมา ตั้งแต่ปี 2540 จากการ ลดค่าเงินบาท ซึ่งคนซึ่งลดค่าเงินบาทนั้น ชื่อ ทนง พิทยะ และมีความเชื่อ โดยที่ ศาลฎีกา ได้พิพากษา ยกฟ้อง คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ คุณสุเทพ พูดบอกว่า คุณทักษิณ รับรู้เรื่องนี้จาก คุณโภคิน พลกุล ก็เลยทำให้ คุณทักษิณ ร่ำรวยจาก การลดค่าเงินบาท

ยังไม่พอ 4 ปีให้หลัง พอเขามีอำนาจ เขาก็ใช้อำนาจนี้ มาสร้างเครือข่าย เพื่อดึงเอาทรัพย์สินต่างๆ ของพ่อแม่พี่น้อง ที่พวกเขาไปประมูลซื้อมา ในราคาถูก แล้วก็มาบีบขาย ให้พ่อแม่พี่น้อง เหมือนกับว่า กองทุนบ้าน อสังหาริมทรัพย์ หรือ รถยนต์ มูลค่า 100 บาท เขาซื้อมาใน ราคา 30 บาท และ เขาบังคับให้ พ่อแม่พี่น้อง จ่ายเขาคืนใน มูลค่า 100 บาทเต็ม อย่างนี้ตลอดเวลา

หรือว่า การประมูลที่ดิน ของ กรมบังคับคดี เขาจะไม่ให้สิทธิ์ลูกหนี้ ในการค้าน เขาบอกค้านได้ 1 ครั้ง ครั้งที่ 2 ค้านไม่ได้ ครั้งที่ 2 ราคา 100 บาท ลดเหลือ 50 บาท ครั้งที่ 3 ราคา 50 บาท ลดเหลือ 25 บาท จะลดโดย อัตโนมัติ แล้วเขาก็ไปตั้ง บริษัทนอมินี เป็นสิบๆ ร้อยๆ บริษัท ไล่ซื้อ ทรัพย์สินนี้ คืนเข้ามาสู่มือเขา

พี่น้องรู้ไหมว่าบริษัทอะไร เป็นเจ้าของที่ดิน ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย บริษัท เอสซี แอสเสท พ่อแม่พี่น้อง รู้หรือเปล่าว่า มีที่ดินอยู่ในบริษัท ในเครือเขา สิบๆบริษัท มีที่ดิน ที่เป็นที่นา เกือบ 500,000 ไร่ และ นั่นคือที่มาของ การขายที่นา ให้ แขกซาอุฯ จำได้หรือเปล่าพี่น้อง เห็นไหม นักศึกษามหาวิทยาลัยราชดำเนิน ต้องไม่โง่ พี่น้องครับ เดี๋ยวผม จะร้องเพลงหนึ่ง แต่อย่าตบมือตาม นะครับ ห้ามตบมือ ตามเด็ดขาด ขอร้อง อย่าตบมือตาม

“โปรดอย่าถาม ว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต และ โปรดอย่าถามว่า อดีตฉันเคยรักใคร รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักแม้ว รักแม้วตลอดไป รักมากเพียงไหน กำหนดไว้ได้ ด้วยเงินที่ให้ฉัน” พี่น้องครับ เพลงที่ชื่อว่า “จงรัก”

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ชื่อ เล่น ชื่อ ปุ๊ก เป็นลูกที่มี พี่น้อง 2 คน เรียนจบธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับใครรู้ไหม วีระ มุสิกพงศ์ รุ่นเดียวกับ คนดังๆ ในสังคมทั้งนั้น ลอยเลื่อน บุนนาค รองปลัด ที่ฟ้องพันธมิตรฯ เรื่องยึดทำเนียบ รุ่นเดียวกับ ชูศักดิ์ ศิรินิล จำได้ หรือเปล่า รุ่นเดียวกัน จงรัก มีบ้านหลังมหึมา อยู่ที่ จ.ชลบุรี มหาศาล จงรัก เป็นคนที่แสดงออกถึง ความจงรักภักดี ต่อระบอบ ทักษิณ ในสมัยที่เป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2

พี่น้องที่อยู่พัทยา ชลบุรี จำได้ใช่ไหม ว่าคนๆนี้ ขัดขวาง การชุมนุมของเรา ทุกวิถีทาง สั่งย้ายตำรวจ ที่เปิดโอกาสให้ ประชาชน เข้ามาร่วมชุมนุม นอกจาก สั่งย้ายแล้ว ยังหาเรื่องหาราว ดำเนินคดี จงรัก จุฑานนท์ เป็นคนที่เคยได้รับ พระมหากรุณาธิคุณ อย่างสูงสุด จาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้ พระองค์ท่านเป็นคนติดยศให้

แต่ต่อกรณีของ การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างร้ายแรง และรุนแรง ของกลุ่มเสื้อแดง หลายๆคน คุณจงรัก ไม่เคยแสดงออก เหมือนกับ ที่มาแสดงออก กับ พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย

ผมไม่เคยเห็น คุณจงรัก ลุกขึ้นมาแล้วบอก คุณวีระ มุสิกพงศ์ ว่าการพูดจาแบบนี้ เป็นการพูดจาซึ่ง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต้องดำเนินคดี อย่างเด็ดขาด

ผมไม่เคยเห็น คุณจงรัก ออกมาบอกว่า คุณจักรภพ เพ็ญแข ที่ไปพูดที่ สนามหลวง นั้น เป็น การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผมไม่เคยเห็น คุณจงรัก พูดถึง พวกเสื้อแดง อีกหลายต่อหลายคน

แต่พอ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เอาเรื่อง ดา ตอร์ปิโด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาเล่าให้ประชาชนฟัง คุณจงรัก ออกอาการ เป็นงิ้วเลย ดำเนินคดี นายสนธิ ทันที

พี่น้องครับ พี่น้อง ยังคงไม่รู้ว่า คดีที่ พวก นปช. นปก. บุกบ้านป๋าเปรม ไปพูดจาหยาบคาย ขว้าง ทำลายบ้าน ป๋าเปรม พี่น้อง รู้หรือเปล่าว่า คดีไปถึงไหนแล้ว อยากรู้มั้ย ตำรวจเขาสั่งไม่ฟ้อง พี่น้อง

ผมอยากจะถาม คุณจงรัก ว่า คุณมีส่วนเกี่ยวข้อง ในการสั่งไม่ฟ้อง หรือเปล่า ที พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ไม่มีคดีไหน ที่เขาสั่งไม่ฟ้อง เขาสั่งให้เร่งฟ้อง ผมคงไม่พูดถึง คุณจงรัก โดยไม่มีหลักฐาน ไม่มีเหตุผล ผมอยากจะตั้งชื่อ คุณจงรัก วันนี้ว่า จงรัก ณ ซานติก้า

พี่น้องจำได้หรือเปล่าว่า คุณจงรัก เขาบอกว่า เขาจะเอา ปปง. ไปตรวจสอบ บริษัทห้างร้าน ที่มาสนับสนุน พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย และ พี่น้องรู้ไหมว่า คุณจงรัก ไม่ทราบ คุณรู้หรือ คุณแกล้งไม่รู้ว่า ซานติก้านั้น มีเงินสด 20 ล้านบาท เข้าบัญชี โดยไม่มีที่มาที่ไป เข้าข่าย ปปง. ต้องตรวจสอบ ทำไมคุณไม่ตรวจสอบบ้างล่ะ ทำไมคุณไม่พูดถึงเลย

ล�งคิด ในมุมกลับ ถ้า คุณพีระพันธ์ ไม่ได้เป็น รัฐมนตรียุติธรรม และ คุณพีระพันธ์ ไม่มีความกล้าหาญพ� จะมาส�บสวน เรื่�งนี้ สราวุธ ติดคุกหัวโตเลย

ลองคิด ในมุมกลับ ถ้า คุณพีระพันธ์ ไม่ได้เป็น รัฐมนตรียุติธรรม และ คุณพีระพันธ์ ไม่มีความกล้าหาญพอ จะมาสอบสวน เรื่องนี้ สราวุธ ติดคุกหัวโตเลย


วันที่ 1 มกราคม เขาบอกว่า เขาจะตรวจสอบเรื่อง ไฟไหม้ที่ผับ ซานติก้า เขาบอก 7 วันเสร็จ

วันที่ 2 มกราคม เขาพูดจา แบบเห็นใจเจ้าของ เขาบอกว่าจาก พยานหลักฐาน น่าจะเป็นจาก จุดที่มาจากเวที แต่ต้องหาหลักฐาน ส่วนทาง เจ้าของ กำลังรออยู่ ทราบว่า ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน แล้วก็ พูดโกหกต่อ ที่เขาเปิดขณะนี้ ก็อาศัย อำนาจของศาลปกครอง ซึ่งไม่จริงนะครับ

วันที่ 4 มกราฯ หลังจากที่ เสี่ยข่าว หรือ นายวิสุข มาพบ เขาก็พูดบอกว่า จะพิจารณาดำเนินคดี และ ประมาทเป็นเหตุให้ ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ปล่อยให้ เด็กอายุ 20 ปี เข้าใช้บริการ แล้วกล่าวต่อ

ส่วนการพิจารณาดำเนินคดี ข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น จะเร่งรวบรวมหลักฐาน ยังไม่มีการแจ้งความ ดำเนินคดีกับ นายวิสุข แต่อย่างไร แล้ว ก็ชี้ทางออกเรียบร้อยแล้ว แนวโน้ม น่าจะเกิดจาก เอฟเฟกต์บนเวที รู้ไปหมด รู้แม้กระทั่งว่า พันธมิตรฯ มีปืน มีระเบิด ส่งประดาน้ำ ไปดำ ในคลองแล้ว ก็เจอแท่งเหล็ก แป๊ปกับไม้

ระหว่างความรู้ที่ คุณจงรัก มีต่อ พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยนั้น มันสะท้อนให้เห็นถึง การรับใช้ระบอบ ทักษิณ อย่างไม่ลืมหูลืมตา กับการซึ่งคุณ มาตรวจสอบคดี กรณีซานติก้า นี้ จะต้องเห็นชัด

คุณจงรักพูดต่อ วันที่ 12 มกราคม หลังจากนี้ พนักงานสอบสวน จะได้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม ว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้อง ที่จะต้องรับผิดชอบ เพิ่มเติมบ้าง เช่น คนจุดพลุ หรือ คนทำเอฟเฟกต์ จะต้องร่วมรับผิดชอบ อย่างแน่นอน เอาล่ะสิ เห็นหรือยัง ปูพื้นฐาน ให้เรียบร้อยแล้ว เสี่ยขาว หุ้นส่วน โดน โดนหมด แต่ว่าผิด ที่คนจุดพลุ และคนทำเอฟเฟกต์ ใช่มั้ย เห็นมั้ย นี่คือ วิธีการสร้างรูปแบบ ให้มันชัดเจน เหมือนอย่าง ตอนที่สร้างรูปแบบ เพื่อดำเนินการ กับ พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ว่าเป็น ผู้ก่อการร้าย

14 มกราคม 2 วันให้หลัง คุณจงรัก พูดอีก สำหรับสาเหตุของ เพลิงไหม้ มีความชัดเจน มากขึ้น ว่าน่าจะเกิดจาก การจุดดอกไม้ไฟ ไม่ใช่เอฟเฟกต์ เอาล่ะ เริ่มตั้งธงแล้วนะ เริ่มตั้งธง จะออกยังไง

วันที่ 27 มกราคม 2552 สองอาทิตย์ ที่ผ่านมา วันนี้ได้จับกุม นายสราวุธ ผู้ต้องหา ในคดีคนสุดท้าย ซึ่งเป็นคนที่ 6 และ เป็นคนสำคัญที่สุด ธงตั้งไว้แล้ว ว่ามึงต้องโดน แล้วคนอื่น ข้อหาเบาไป มึงโดนคนเดียว เนื่องจากมี พยานหลักฐาน

จำไว้นะพี่น้อง คำพูดนี้นะ เนื่องจาก มีพยานหลักฐาน เนื่องจาก มีพยานหลักฐาน เนื่องจาก มีพยานหลักฐาน เนื่องจาก มีพยานหลักฐาน และ ระบุว่า นายสราวุธ เป็นคนใช้ ไฟแช็กจุดพล ุในคืนวันเกิดเหตุ ใช้เวลาประมาณ 30 วินาที ตั้งค่าตัว ไว้ 1 ล้าน ให้ประกันตัวไป นายสราวุธ ก็งง เพราะว่า นายสราวุธ มันก็บอกว่า มือซ้ายมันถือไมโครโฟน มือขวา มันล้วงกระเป๋า แล้ว มันจะจุดพลุได้อย่างไร นอกจากว่า มันไม่รูดซิปแล้ว มันเอาคิกคาปู้ มาจุด

มันงงน่ะ พี่น้อง มันงง เป็นไก่ตาแตก มันประกันตัว ออกไปแล้ว มันยังเดินไม่ถูกทางเลย มันก็กลับไปบ้าน มันทดลองดูแล้ว ก็มองดู แล้วมัน ก็บอกว่า มึงจุดได้ หรือเปล่าวะเนี่ย

พี่น้องครับ ที่ต้องพูดเรื่องนี้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะเวลา เรามีเรื่องกัน คุณจงรัก มาหาเรื่องเราทุกเรื่อง คุณจงรัก จะเป็น คนแสนรู้มาก ว่าเรา ซ่อนอาวุธ ที่ตรงนั้น คนของเรา มีระเบิดอยู่ในมือ แล้วระเบิดในมือ ระเบิด ประเทศซิมบับเวซิ มันระเบิดแล้ว มือแค่ขาด อย่างเดียว ตัวไม่เป็นไร มันเป็น ระเบิดอัจฉริยะ ใช่ไหมพี่น้อง พูดก็ไม่ได้คิด

นอกจากนั้นแล้ว รู้หมดว่า เราเป็น ผู้ก่อการร้าย ต้องเอา ปปง. ตรวจสอบ รู้ไปหมดทุกอย่าง ไม่รู้อยู่อย่างเดียวว่า ไอ้ผับนี้ ตำรวจทองหล่อ รับเงิน รับทอง อยู่ทุกวัน

ไม่รู้อยู่อย่างเดียว ตำรวจ สน.ทองหล่อ รับเงิน จ่ายรายเดือน จ่ายให้เป็นแสน ผับซานติก้า โดนคดีไป 47 คดี ในอดีต แต่ ไม่มีคดีไหน ถึงที่สุดเลย สักคดี พี่น้อง พอเราไปเถียง คุณจงรัก ออกข่าว ประชาชนทั่วไป ที่ไม่รู้เรื่อง ก็บอกว่า ต้องเชื่อ คุณจงรัก เพราะว่า พันธมิตร ประชาชน เพื่อประชาธิปไตย มันเป็นตัวป่วน ใช่ไหม ก็มามองเรา ในรูปแบบนี้ เราก็เลยตกอยู่ใน สถานภาพ ที่เสียเปรียบ มาโดยตลอด จนกระทั่ง มีคนที่ชื่อ พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม คุณพีระพันธ์ บอกว่า เดี๋ยวก่อน ที่คุณบอกมานี่ ที่ตำรวจกล่าวหา นายสราวุธ มาเนี่ย มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าใน วิดีโอ มันเห็นชัด ว่า สราวุธ มันอย่างนี้อยู่ ใช่หรือเปล่า แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น มันเป็นไปได้อย่างไร

นายพีระพันธ์ เขาสอบต่อจาก ดีเอสไอ เขาบอกว่า ไอ้ซานติก้า มันมีเงินสด เข้ามา 20 ล้าน ไม่มีที่มาที่ไป แล้วถ้า ดีเอสไอ เขาสอบได้ แล้วทำไม คุณจงรัก สอบไม่ได้ แสดงว่า มาตรฐานที่ คุณจงรัก ใช้ มันโลโซเหลือเกิน

ด้วยเหตุนี้ ก็เลยสรุปได้หรือเปล่าพี่น้อง สรุปได้หรือเปล่าว่า สิ่งที่ คุณจงรัก พูดถึง พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย นั้น โกหกทั้งเพ นี่คือ บทพิสูจน์

ปรากฏว่า คุณจงรัก หลัง 31 ธันวาคม 1 มกราคม มาเรื่อยๆ จนสิ้น มกราคม ต้องการเป็น พระเอก โชว์หน้าขาววอก ออกเวที ตลอด มีหลักฐาน อันโน้นอันน ี้เสร็จเรียบร้อย ให้สัมภาษณ์ ตลอด พูดด้วยตัวเอง

พอ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม สวนกลับมาแบบนี้ แล้วนายกรัฐมนตรี ให้ดึงคดีนี้ ออกจาก มือตำรวจ มาใส่ที่ ดีเอสไอ นักข่าวไปถาม คุณจงรัก บอก คุณมาถามอะไรผม คุณไปถาม ท้องที่ซิ แล้วเขาส่งเรื่อง มาถึงผม ก็คุณให้สัมภาษณ์ มาทุกวัน พอเขามาถามคุณ คุณก็เสือกบอก กลับไปถาม ท้องที่ซิ ผมไม่ได้พูด พี่น้อง เห็นหรือยัง

ผู้สื่อข่าว ได้สอบถาม พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เพื่อสอบถาม เกี่ยวกับเรื่องคดีนี้ หลังจากที่ รัฐมนตรียุติธรรม ได้มาเปิดเผยว่า นักร้องวงเบิร์น สราวุธ ไม่ใช่เป็นผู้จุดเพลิง

พล.ต.อ.จงรัก พูดอย่างมีอารมณ์ว่า ผมเอง อยู่ต่างจังหวัด ยังไม่ทราบ รายละเอียด เกี่ยวกับ เรื่องนี้ ให้ไปสอบถาม ตำรวจพื้นที่ ที่เกิดเหตุ อย่าข้ามขั้นตอน มาถาม รอง ผบ.ตร. ทั้งที่เมื่อก่อน ให้สัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าว อ้างอิงคำพูด รัฐมนตรียุติธรรม ที่ว่า นักร้องนำวงเบิร์น เป็น แพะ แพะ แพะ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า คุณพูดเองนะ พูดรุนแรง ไป หรือ เปล่า ผมจะไม่ตอบคำถามอะไรทั้งนั้น เพราะยังไม่รู้เรื่องรายละเอียด ตอนนี้เสือกไม่รู้เรื่องรายละเอียด แต่ก่อนหน้านั้นรู้ไปหมด รู้แม้กระทั่ง นายสราวุธ มันใช้ กิ๊กกะปู้ จุดพลุ พี่น้อง รู้ใช่ไหม กิ๊กกะปู้ อะไร

พี่น้องครับ พี่น้อง เฮฮาสนุกสนาน พี่น้องหยุดสนุก สักพักหนึ่ง พี่น้อง ลองมองย้อนหลัง กลับไปซิ ถ้าไม่มี ดีเอสไอ ภายใต้การดูแล รัฐมนตรี พีระพันธ์ สราวุธ มันตายห่าไปนานแล้ว

นี่ คุณจงรัก เข้าข่ายมาตรา 157 นะ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เข้าข่ายมาตรา 200 จงใจ กล่าวหาคนอื่น ให้ได้รับโทษรุนแรง โดยที่ไม่ผิด ผมไม่ได้หวังให้ คุณจงรัก มาขอโทษหรอก เพราะคนอย่าง คุณจงรัก ไม่มียางอายพอ จะมาขอโทษใคร

ผมจะบอกพี่น้องว่า นี่ไง ให้หยุดสนุกสนาน กับเรื่องที่ผม พูดจา สักพัก ลองคิด ในมุมกลับ ถ้า คุณพีระพันธ์ ไม่ได้เป็น รัฐมนตรียุติธรรม และ คุณพีระพันธ์ ไม่มีความกล้าหาญพอ จะมาสอบสวน เรื่องนี้ สราวุธ ติดคุกหัวโตเลย นี่เข้าข่าย ปั้นพยานนะ ปั้นพยาน ให้ร้าย สราวุธนะ แล้ว กรณีพันธมิตรฯ ละ พวกมึง ปั้นพยาน มากี่คนวะ

เห็นหรือยัง พี่น้อง นี่คือ ตำรวจไทย นี่คือ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ คนที่อยากเป็น ผบ.ตร. ใจแทบขาด คนที่รับใช้ สมัคร สุนทรเวช เต็มที่ เพื่อที่ จะมา สลาย พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย

พี่น้องที่ฟังรายการนี้ พูดกันต่อๆไป อย่าได้ลืมคนชื่อ จงรัก จุฑานนท์ ถ้าใครเอาคนนี้ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. เรายอมไหม (ไม่ยอม) ถ้าต้องออกมา ท้องถนน ออกไหม (ออก)

พี่น้อง ถ้านายจงรัก ต้องขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. พวกเราให้ สัตยาบันกัน เราจะออกมา นอกท้องถนน กลัวไหมกลัว (ไม่กลัว) ใครคิดจะเอา นายจงรัก เป็น ผบ.ตร. ต้องเจอ พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย แล้วจากนี้ไป นายจงรัก พูดอะไร เหมือนกับ การผายลม

พี่น้อง ไม่ใช่เรื่องเล่น นะ พี่น้อง คุณพีระพันธุ์ เอาเรื่องนี้มาพูด กับ คุณจงรัก กล่าวหา นายสราวุธเนี่ย มันทำให้ผม อึ้งไปตั้งนานนะ ผมบอกมิน่าล่ะ สังคมไทย มันถึงตกต่ำขนาดนี้ เพราะเรามี ตำรวจแบบนี้ พี่น้อง แล้วระบอบทักษิณ ตั้งแต่ปี 2544 จนปัจจุบัน สร้างตำรวจแบบนี้ ขึ้นมามาก เหลือเกิน พี่น้อง น่ากลัวมาก

พี่น้อง ผมจะพูดถึงเรื่อง ผับซานติก้า ให้พี่น้องฟัง พี่น้องครับ ตามผมมา ผับซานติก้านั้น ดูให้ดีๆ คือ แบบจำลองย่อของ ประเทศไทยพี่น้อง เพราะมันเต็มไปด้วย ความชั่ว พี่น้อง

ไอ้ผับระยำเนี่ยนะ ก่อสร้างผิดกฎหมาย ใบอนุญาต ถูกปลอมลายเซ็นโดย วิศวกร ภาษีอากร ไม่เคยเสีย เป็นศูนย์กลาง ค้ายาเสพติด ของลูกอดีต ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย ที่ไม่อยู่ตอนนี้

ตำรวจให้การคุ้มครองสถานที่ ที่กฎหมายระบุว่า จุได้ไม่เกิน 500-600 คน จุเข้าไป 2,000 กว่าคน พอมีการตาย 66 ศพ วิ่งเต้นเอาเงิน ยัดตำรวจ เพื่อให้ตำรวจเป่าคดี ไปทางอื่น นี่คือรูปแบบย่อของ ประเทศไทย พี่น้องครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว เราสู้มานี่ผิดมั้ย ถูกต้องทุกอย่างพี่น้อง ทุกวัน จะมีเรื่องมีราวที่พิสูจน์ ให้เห็นชัด ว่าสิ่งที่เราสู้มานั้นไม่เคยผิดเลย ใช่ ไม่ใช่ พี่น้อง คุณจงรัก วันนี้ต้องเปลี่ยนนามสกุลแล้ว เป็น จงรัก ซานติก้า

พี่น้องครับ ผมมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะเบรก เบรกแรก คือเรื่องคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่พูดเรื่องคำว่า “เด็กสองคน” จะทำให้ เศรษฐกิจตกต่ำ

พี่น้องครับ พี่น้องรู้หรือเปล่าว่าในโลกนี้ ผู้นำยุคใหม่ อายุ 40 กว่า ทั้งนั้นเลย

บารัก โอบามา
ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน อังกฤษ อายุน้อยกว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรุ่นน้อง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ ออกซ์ฟอร์ด
คุณกรณ์ จาติกวณิช 45


มีแต่ ไอ้เฒ่า เพราะกินข้าว แก่เพราะอยู่นาน ที่ไม่มีประโยชน์ แล้วมา ขากถุย ในสภา ถ้าจะแก่จะเฒ่า ทำประโยชน์อย่าง ไอ้แก่ คนนี้สิ อย่าไป ขากถุย ในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้

พี่น้องฟังให้ดีๆ ระบอบทักษิณ นี่น่ากลัวมากพี่น้อง เขาดูถูก คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ คุณกรณ์ จาติกวณิช เพราะมันมีเหตุ ปัจจัย 3 ด้าน เขาเห็นว่า

ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ตกหมด เพราะฉะนั้นแล้ว ประชาธิปัตย์ ก็จะมีคะแนนนิยมลดลง เขาปั่นป่วน ทางการเมืองด้วย เสื้อแดง เพื่อ ลดความ น่าเชื่อถือ และ ความเชื่อมั่น ในทางเศรษฐกิจ ในทางสากล และ กดดันให้ รัฐบาลไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ในฐานอำนาจของ ระบอบทักษิณ ที่สำคัญ คือ เขามีการวางเครือข่าย ระบอบทักษิณ ในอำนาจรัฐ

วันนี้ผมขอพูดถึง เครือข่ายเขา นิดหนึ่ง เครือข่ายเขา มีอยู่ 3 อำนาจ

อำนาจแรก คือ อำนาจพรรคร่วมรัฐบาล ที่ยังแอบตีสองหน้า กับ รัฐบาลชุดนี้ และ ก็ทักษิณ พี่น้อง สมัยหนึ่ง นายพินิจ จารุสมบัติ ยุคหนึ่ง ที่อ้างว่า ตัวเองนั้น ไม่เอา ทักษิณ ตอนหลัง การยึดอำนาจ 19 กันยาฯ พูดกับทุกคนว่า ไม่เอาทักษิณ แต่พี่น้องรู้มั้ย แอบไปหา ทักษิณ และ ไปรายงาน ทักษิณ ว่าฝ่ายนี้ คิดยังไงๆๆ ลักษณะอย่าง พินิจ จารุสมบัติ มีเยอะมาก พี่น้อง มีมาก

ทักษิณ นี่ได้วางยาเอาไว้กับ กลุ่มคุณเนวิน เขาวางยาเอาไว้ยังไง พี่น้อง เขาพูดยังไง เขาบอก เนวิน นั้น อย่าไปโกรธ เนวิน ผมเอง เป็นคนส่ง เนวิน เข้าไป เขาพูดอย่างนี้ เขาพูดอย่างนี้เพื่ออะไร พี่น้องรู้เปล่า ไม่ใช่ระแวง พี่น้อง เปิดประตูใบหนึ่ง แล้วส่งสัญญาณ บอก เนวิน เฮ้ย มึงจะกลับเมื่อไร ก็ได้นะ เข้าใจหรือยัง พี่น้อง เห็นหรือยัง คือเปิดประตูไว้ บานหนึ่ง เหมือนกับพูดกับ ทุกคนว่า เฮ้ยอย่าไปโกรธ เนวิน มัน จะสังเกตดูให้ดีๆ เพราะฉะนั้น แล้ว วันนี้ กลุ่มเนวิน ก็เลยขี่ประชาธิปัตย์ เห็นหรือยังพี่น้อง

อำนาจที่ 2 คือ อำนาจราชการของ ระบอบทักษิณ ที่ยังมี เครือข่ายวางยา อำนาจรัฐบาล อยู่ ตำรวจ ไงล่ะเป็นตัวอย่าง ที่เห็นชัด ใช่ ไม่ใช่ พี่น้อง อดพูดถึง คุณจงรัก ซานติก้า ไม่ได้

พี่น้องจำได้หรือเปล่า ตอนที่ พวกเสื้อแดง เดินจากสนามหลวงมา แล้วมาตีเราครั้งแรก แล้วตำรวจอ้างว่า ที่กันไม่ได้ เพราะอะไร เขาบอกว่า เสื้อแดง มาเป็นหมื่นๆ ตำรวจเขา มีไม่กี่ร้อยคน เขาห้ามไม่ได้ คุณจงรัก นี่เป็นคนแปลก เป็นถึง พลตำรวจเอก แต่สอบตกเลข เวลามองเสื้อแดง บอกหมื่นๆ ทั้งๆ ที่มีแค่พัน สองพัน แต่พอมอง พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย บอกว่า มีไม่กี่ร้อยกี่พันคน เอง แปลกจริงๆ เพราะฉะนั้น แล้วจะเห็นได้ชัด

อำนาจที่ 3 คือ อำนาจของ บอร์ดรัฐวิสาหกิจ ซึ่งยังมี เครือข่ายของ ระบอบทักษิณ อยู่ทั่วไป วันนี้ผมจะยกตัวอย่าง เรื่องเงินคงคลัง พี่น้อง

เงินคงคลัง คือเงินที่อยู่ใน กระเป๋าเรา เงินคงคลัง หมายความว่านี่ล่ะคือ เงินที่เหลือเอาไว้ใช้ เงินคงคลัง นั้นมีความไม่แน่นอน สุดแล้วแต่ว่า วันนี้ วันที่ 6 เมื่อ ปลายเดือน 31 เงินคงคลัง ในกระเป๋านี้ อาจจะมีสัก 20 ใบ แต่ใช้ไปเรื่อยๆ เงินคงคลัง ก็ลด

สักพักหนึ่ง แม่ยกพันธมิตรฯ สงสาร ใส่ซอง มาให้ เงินคงคลัง ก็เพิ่ม พอเพิ่ม ก็เอาไปจ่าย เอาไปจ่าย ค่านมลูกของ แอน จินดารัตน์ ยกตัวอย่าง ให้ฟัง ง่ายๆ นะ หรือว่า เอาไปจ่ายค่าไปหาหมอของ แอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ เพื่อเช็กว่า ท้องหรือเปล่า

เพราะฉะนั้นแล้ว เงินคงคลัง ก็เลยไม่อยู่ แล้วแต่ใช้ เงินคงคลัง ของประเทศ ได้มาจากไหนล่ะ รายได้จาก ภาษีอากร ประเทศไทย มี รายได้ อย่างเดียว ที่เข้า กระทรวงการคลัง ก็คือจาก ภาษีอากร ภาษีสรรพสามิต

เอาล่ะ ข่าวมาบอกว่ารัฐบาลถังแตก เพราะมีเงินคงคลัง เหลือแค่ 5 หมื่นกว่าล้าน เดี๋ยวผม จะเล่าให้ฟังว่า เงินคงคลัง เป็นยังไง พี่น้อง

สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตั้งแต่ ธันวาคม ปี 39 ถึง พฤศจิกาฯ ปี 40 มีเงินคงคลัง สูงสุด 313,828 ล้าน แปลว่าอะไร ในช่วงเวลาๆ หนึ่ง จะมี เงินสด อยู่ในมือรัฐบาล ถึง 3 แสนล้าน และ ในขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาๆ หนึ่ง มีเงินคงคลังต่ำสุด เมื่อพ้นจากตำแหน่ง ก็คือ 247,847 ล้าน

เอาละ มา รัฐบาล คุณชวน หลีกภัย ชุดที่ 2 ธันวาคม 40 – พฤศจิกายน 43 มีเงินคงคลัง สูงสุด 252,000 ล้าน และ ต่ำสุด 37,200 ล้าน ไม่เป็นไรต่อไป พอมาถึง

ชุดทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลทักษิณ 1 ทักษิณ 2 กุมภาพันธ์ 44 – กันยายน 49 มีเงินคงคลัง สูงสุด 147,200 ล้าน และ มีเงินคงคลังต่ำสุด 12,200 ล้าน ใช่ไหม เพราะฉะนั้นแล้ว

มาชุดของ สมัคร สุนทรเวช เงินคงคลัง สูงสุด 188,900 ล้าน ต่ำสุด 54,500 ล้าน

รัฐบาลชุด นายสมชาย เงินคงคลังสูงสุด 229,000 ล้าน ต่ำสุด 91,000 ล้าน

แปลว่าอะไร แปลว่า การที่จะมีเงินคงคลัง ต่ำถึง 40,000 – 50,000 ล้าน เรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่เรามาดู เหตุผลของ การโจมตี ครั้งนี้ โจมตีบน พื้นฐานของ ความไม่รู้ของคน ก็เข้าใจว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์ บริหารชาติ จนเจ๊ง จนไม่มีเงินเหลือ เหลือแค่ 50,000 กว่าล้าน

ถ้าไม่ใช่ นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชดำเนิน ก็จะเชื่อคำพูดนี้ แต่ถ้าเป็น นักศึกษาราชดำเนิน นักศึกษา ต้องถามตัวเอง

ประการแรก อภิสิทธิ์ เพิ่งเข้ามาได้ 2 อาทิตย์ ไอ้เงินคงคลัง ที่มันเหลือมาจาก ยุค นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เงินคงคลัง ที่ปรากฏอยู่ ออกมาเป็น ข่าวนั้น เป็นผลจาก การคำนวณ เงินคงคลังของ เดือนตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม


พี่น้องเอ๊ยย นายอภิสิทธิ์ เพิ่งได้เข้ามา บริหารจริงๆ ก็คือ ต้นเดือนมกราคม เลยเดือน มกราคมไปกลางเดือน นอกนั้นเป็นของ นายสมชาย วงส์สวัสดิ์ แล้วไอ้ที่เหลืออยู่ 50,000 ล้าน มันเหลือจาก อะไรละ

เก็บภาษีไม่เข้าเป้า ภาษีอะไร ที่ไม่เข้าเป้าเยอะที่สุด ภาษีน้ำมัน ไงเล่า มันลดไง จำได้หรือเปล่า มันลด เพื่อที่จะเอาใจ พ่อแม่พี่น้อง แล้วมันก็มา สะท้อนคืน ในเงินคงคลัง ที่เหลือ เข้าใจหรือยัง

เหมือนกับพี่น้อง เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว แล้ววันนึง พี่น้องอยากเชียร์ คนข้างๆร้าน ให้รักพี่น้อง พี่น้อง ก็บอกว่า 10 วันนี้ แหลกฟรี แหลกฟรี ก็แหลก ไป 10 วัน วันนึงอากง กลับมาจาก ซัวเถา ก็บอกว่า เงินมึง หายไปไหน 12,000 บาท ผมไปให้เขาแหลกฟรี แหลกฟรี มา 10 วัน ฉันใดฉันนั้น

เหมือนมีอยู่ พรรคนึง จำได้หรือเปล่าพี่น้อง ไอ้ประเภท ลดราคา เพื่อเอาใจประชาชน รัฐบาลชุดไหน ก็ไม่เก่งเท่า รัฐบาลชุด ทักษิณ ชินวัตร แต่ว่าเป็น การลดราคา เพื่อหวังผล พี่น้องจำได้ไหม มันเคยมีสวนสนุก ที่แถวรัชดา จำได้หรือเปล่า แล้วพี่น้องจำได้ไหมว่า ไอ้รถไฟฟ้าใต้ดิน มันให้นั่งฟรี จำได้ไหม มันนั่งฟรี ช่วงไหน ช่วงที่ สวนสนุกมีอยู่ และ สวนสนุกนั้น ใครเป็นเจ้าของ โอ๊ค พานทองแท้ เห็นหรือยัง คือของแบบนี้ มึงหลอกใครหลอกได้ แต่อย่ามาหลอก พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย

อีกตัวหนึ่ง คือ ปลัดกระทรวงการคลัง คนนี้ มันเสือกขยันเกินเหตุ ขยันยังไงพี่น้อง ผลประกอบการของ รัฐบาล เก็บภาษีไม่เข้าเป้า เหมือนกับว่า อาตี๋ขายก๋วยเตี๋ยว เคยได้ เดือนละ 30,000 เดือนนี้ได้ 15,000 ไม่เข้าเป้า พอไม่เข้าเป้าแล้ว ปรากฏว่า มีหนี้ ที่จะต้องจ่าย อาตี๋แทนที่จะบอกหนี้ รอไว้หน่อย ไปคืนเดือนหน้า อาตี๋ไม่ อาตี๋บอกว่า มึงรีบมาเลย ทั้งๆที่ เขาไม่ได้เดือดร้อน หรือ เขาเดือดร้อน แต่ว่าไม่ใช่วิสัยทัศน์ ของคนที่ค้าขาย จะต้องไปคืน

แปลว่าอะไร แปลว่า กรมสรรพากร คืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ เกือบ 20,000 ล้าน ทั้งๆที่รายได้ เก็บไม่เข้าเป้า คิดเป็นอัตราส่วน เปรียบเทียบกัน การคืนภาษีอากร ของกรมสรรพากร ปีนี้ เดือนนี้ กับ ปีที่แล้ว เดือนนี้ 12 เดือนที่แล้ว ปีนี้คืนเพิ่มให้ ตั้งเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ ทั้งๆ ที่ รายได้ ไม่เข้าเป้า แล้วพี่น้องทุกคน มีปัญหาสรรพากร ทั้งนั้น สรรพากร มันคืนเงินให้ พี่น้อง ง่ายหรือเปล่า ไม่มี

เพราะฉะนั้น มันมีข้อสงสัยว่า มันเป็นการคืนให้กับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เป็นลม ประเภท ยอดการส่งออก ที่เป็นลม เข้าใจไหม ส่งตู้คอนเทนเนอร์ ไปเมืองนอก แต่ในตู้ มีแต่ลม แล้วอ้างว่า ส่งไปมูลค่าเท่านี้ ขอเรียกคืนภาษี ไม่มีการตรวจสอบ นี่คือฝีมือของ นายศุภรัตน์ จำได้หรือเปล่า พี่น้อง

ผมเคยพูดถึง นายศุภรัตน์ ว่าอย่างไร นี่คือ ปลัดกระทรวงการคลัง ในระบอบทักษิณ เห็นไหม มาถล่มทำลาย เด็ก 2 คน คนหนึ่งคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนหนึ่ง คือ กรณ์ จาติกวณิช

มันไม่ใช่ผู้ใหญ่เลว ผู้ใหญ่ลิ้นสองแฉก พี่น้องครับ แล้วพี่น้องสังเกตไหม ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ รัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ขอเงินรัฐบาล หมดเลย ขอกู้มา 500,000 ล้านบาท ร้อยปีพันปี ในสมัย สมัคร สมชาย มันเคยขอไหม เสือกมาขอกัน ตอนนี้ เพราะอะไร ทำให้เหมือนกับว่า วิกฤตเศรษฐกิจ มันจะทำให้ รัฐบาล ต้องเจ๊งแน่นอนแล้ว

รัฐวิสาหกิจ ก็ต้องการเงิน เงินคงคลัง ก็ต่ำ ทั้งๆที่ผิดประเด็น ก็เลยมาเป็นที่มา ของ เด็ก 2 คน จะทำให้ วิกฤตตกต่ำ เสร็จแล้ว นายโอฬาร ไชยประวัติ เสือกออกมาบอกว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบ 4 เปอร์เซ็นต์ มันบ้าไปแล้ว พี่น้อง อำนาจ วาสนา ผลประโยชน์ มันทำให้ คนมันตาบอดได้ คนที่เคยเป็น รองผู้ว่าแบงก์ชาติ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยพาณิชย์ เสียผู้เสียคน เมื่อมาเป็น ประธานสภา มหาวิทยาลัย ชินวัตร ชินวัตรยูนิเวอร์ซิตี แล้วได้รับแต่งตั้งเป็น รองนายกรัฐมนตรี ก็เลยออกมา ปกป้อง แล้ว ก็ทำลาย ฝ่ายตรงกันข้าม โดยที่ละทิ้ง จิตวิญญาณ ของ นักวิชาการ ที่แท้จริง


เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกๆวันที่เกิดขึ้น พี่น้องต้องเข้าใจนะว่า มันเป็นเรื่องของ มายาภาพ เป็นเรื่องของ เล่ห์กล เป็นเรื่องของ การวางหมาก กันทั้งสิ้น พี่น้องเห็นอะไร อย่าพึ่งเชื่อ ได้ยินอะไร อย่าพึ่งเห็นด้วย นอกจากฟัง สนธิ ลิ้มทองกุล พูดก่อน คุณชมพู บอก กูนึกแล้วเชียว ต้องพูดคำนี้ ทีกูซื้อหวยไม่ถูก พี่น้องครับ ขอพักสักครู่ได้ไหม ให้น้องแอน มาโชว์ความอ้วน พร้อมกับ น้องแอร์ 2 คน ขัดตาทัพไปก่อน


ช่วงที่ 2


พี่น้องครับ เดี๋ยวผมพูดจบแล้ว สัญญากับผม หน่อย อย่าเพิ่งรีบกลับกันเยอะนัก คุณมาลีรัตน์ กำลังรอพูดอยู่ เพราะว่า ข้อมูลหลายๆ คน ก็ดีพอๆ กัน

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2552 การชุมนุมของ คนเสื้อแดง ที่สนามหลวง เขามีการ จัดกิจกรรม ที่หมิ่นเหม่ และ จาบจ้วง บุคคลชั้นสูง ของบ้านเรา เขามีรูปอยู่ 7 รูป พี่น้อง เขาติดรูปไว้ 7 รูปเลยนะ

สิ่งหนึ่ง 193 วัน ที่เราทำมานั้น ไม่มีใครทำได้ เสื้�แดง ก็ทำไม่ได้พี่น้�ง ในขณะที่ กินเนส เวิลด์��ฟเรคค�ร์ด ลงประวัติเราว่า เป็น การประท้วง ที่ยาวที่สุดในโลก นานที่สุดในโลก เขาก็ลงประวัติ เสื้�แดง ว่าเป็นการประท้วง ที่สั้นที่สุดในโลก

สิ่งหนึ่ง 193 วัน ที่เราทำมานั้น ไม่มีใครทำได้ เสื้อแดง ก็ทำไม่ได้พี่น้อง ในขณะที่ กินเนส เวิลด์ออฟเรคคอร์ด ลงประวัติเราว่า เป็น การประท้วง ที่ยาวที่สุดในโลก นานที่สุดในโลก เขาก็ลงประวัติ เสื้อแดง ว่าเป็นการประท้วง ที่สั้นที่สุดในโลก


รูปหนึ่งคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ติดเอาไว้เพื่อเอาไข่ขว้าง
รูปที่ 2 คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รูปที่ 3 คือนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ
รูปที่ 4 คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
รูปที่ 5 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
รูปที่ 6 รูปที่ 7 เป็นภาพเขียน รูปผี เขียนว่า “แม่นาก และ ผัวแม่นาก” พี่น้องคงเดาออกว่า นัยของไอ้คนชั่ว คนหนักแผ่นดินพวกนี้ มันหมายถึงใคร


พี่น้องครับ นอกจากนั้นแล้ว ยังมี การจัดเต็นท์ ให้ลงชื่อ ถวายฎีกา ยกเลิก กฎหมาย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 คนที่เป็น ตัวตั้งตัวตี ชื่อ นายใจ อึ๊งภากรณ์

พี่น้อง พวกนี้ใช้พื้นฐานของ สิทธิเสรีภาพ โดยซ่อนนัยออกมา การยกเลิก มาตรา 112 แท้ที่จริงคือ กระบวนการเริ่มต้น การล้มล้าง สถาบันกษัตริย์ ครับ

พี่น้องเห็น ภาพยนตร์ตลก นายบีน ใช่มั้ย ที่มันล้อเลียน สมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธ เราอยากให ้สังคมไทย เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า นี่คือแม่ของเรา สมเด็จพระนางเจ้าฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คือพ่อของเรา การที่มาอ้างว่า การที่มี มาตรา 112 นั้น ถ้าไม่ยกเลิก กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นั้น เป็นการ จำกัด สิทธิเสรีภาพทางความคิด ของ นักวิชาการ ผมอยากจะให้ส้นตีนพวกมัน

ความคิดสร้างสรรค์ ทางวิชาการ มันเกี่ยวอะไรกับ การที่เปิดโอกาสให้ พวกมึง มาจาบจ้วง และ พูดถึง ในหลวง และ ราชินี ได้ทุกแง่ทุกมุม โดย ไม่ผิดกฎหมาย ถ้าเขาด่าพ่อแม่มึง มึงพอใจมั้ย นายใจ อาจจะพอใจก็ได้ ใช่มั้ยพี่น้อง

เพราะฉะนั้นแล้ว แนวรุกของพวกนี้ เป็นแนวรุก ที่เสริมประสานกับ เสื้อแดง และ เสริมประสานกับ พรรคเพื่อไทย และ เสริมประสานกับ ทักษิณ ชินวัตร จริงๆ เป็นแนวร่วมแนวเดียวกันหมดเลย เข้าไปสู่เป้าหมาย จุดมุ่งหมาย เดียวกัน พี่น้อง

พี่น้อง ที่ผมเสียใจที่สุด คือเรามีคนที่อ้างตัวเป็น นักวิชาการ แล้วมาร่วมเซ็นชื่อ คนอย่าง นายนิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ ไอ้คนที่ ทิ้งเมียตัวเอง แล้วไปมีชู้ สุชาดา จักรพิสุทธิ์ ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ที่เขาเรียก ไอ้ยิ้ม อาจารย์ประจำ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ คนๆ นี้ คือ คนไปประกันตัว ยัยดา ตอร์ปิโด ไง เห็นมั้ย รศ.สมเกียรติ ตั้งมะโน มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ก็มันชื่อ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน มันถึงไม่เคยเห็น แสงตะวันไง พี่น้อง มันถึงโง่เหมือนความมืด ของมันไง

นายธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สุรัสวดี หุ่นพยนต์ ผศ.ภัสทิญา สิริบวรพิพัฒน์ รศ.ดร.วรวิทย์ เจริญเลิศ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วไอ้เสื้อแดง ที่เป็นเหตุ ให้พวกคุณ มีความคิด ทางวิชาการเยอะ แล้วเดินไปตบหน้า อาจารย์ที่ม หาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.วรวิทย์ เจริญเลิศ คณะเศรษฐศาสตร์ มช. มีความเห็นว่า อย่างไร ผศ.อัจฉริยา เนตรเชย มหาวิทยาลัยนเรศวร ดร.ศรีประภา เพชรมีศรี มหาวิทยาลัยมหิดล อนันต์ กาญจนพันธ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชัยยันต์ รัชชกูล สอนอะไร รู้มั้ย Institute of Religion Culture and Peace สถาบันศาสนาวัฒนธรรม และสันติภาพ พายัพ ถ้าคุณสอน เรื่องศาสนา สอน เรื่องวัฒนธรรม คุณยังเสือก ไม่เข้าใจ ความสำคัญของ สถาบันกษัตริย์ แล้ว คุณมาเสือกสอน คณะนี้ได้ยังไง

ชัยยันต์ รัชชกูล มหาวิทยาลัยพายัพ น่าเสียใจมาก นายธนพัฒน์ มั่นศิลป์ ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา รศ.สุชาย ตรีรัตน์ อาจารย์ประจำ ภาควิชา การปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พวงทอง ภวคพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ชลิตา บัณฑุวงศ์ นี่มาไกลเลย เป็น นักศึกษา ปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยฮาวาย ที่เกาะมานัว อนุสรณ์ อุณโณ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน คณะโบราณคดี นายจอน อึ๊งภากรณ์ พี่ชาย นายใจ อึ๊งภากรณ์ ซึ่งเป็น กรรมการของ โทรทัศน์ทีพีบีเอส กรรมการบริหาร

เอกศักดิ์ ยุกตนันท์ ภาควิชา ปรัชญาและศาสนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น คนเรียน ทางศาสนาปรัชญายังเสือก ไม่เข้าใจ ความสำคัญ ของสถาบัน เห็นหรือยังพี่น้อง มีหมอหลง เข้ามา 2 คน แพทย์หญิงวรรณา วิภาสวัชรโยธิน นายแพทย์วิบูลย์ วิภาสวัชรโยธิน ผัวเมียคู่นี้ ที่เสียใจมากอะไรรู้มั้ย พล.อ.เจอ โพธิ์ศรีนาค พ.ต.อ.อำพล ค้ำชู พล.ต.ต.ณรงค์ วิทยารักษ์ ผมไม่เข้าใจ ทหารที่เป็นถึง พลเอก ได้รับพระราชทานยศ จาก องค์พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พล.ต.กฤษฎี เสนาพลสิทธิ์ นายเชษฐา พวงหัตถ์ ภาควิชาสังคมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ ศิลปากร

พี่น้อง วันนี้เราต้องมาพูด เรื่องนี้กัน ความจริงแล้ว นายใจ ทำเรื่องที่ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เยอะเหลือเกิน นายใจ เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่มีการ ยึดอำนาจ เขาออกมา ชูอะไรรู้มั้ย No Coup ไม่เอาปฏิวัติ No Thaksin ไม่เอาทักษิณ

แต่วันที่ 31 มกราคม นายใจ ขึ้นเวที เชิดชู ทักษิณ เป็นพ่อ นายใจ กับ นายเหวง ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยใช่ไหมพี่น้อง คนอิ๊บอ๋ายแบบนี้ พี่น้องดู มันไปสอนเด็กมันได้ยังไง พี่น้อง ผมอยากจะถามคำพูดนี้ ถามไปที่ทุกๆ คนที่อยู่ในแผ่นดินนี้

เรายอมรับไหมว่า สถาบันกษัตริย์ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของ สังคมไทย เป็นศูนย์กลาง ที่จะดึงดูด ความสามัคคีความเมตตา ทศพิธราชธรรม ของ พระองค์ท่าน ทำมา ตั้ง 50-60 ปีแล้ว ท่านปกครองแผ่นดิน โดยธรรม ท่านปกครอง ตั้งแต่ท่านยังเด็ก จนกระทั่งท่าน อายุ 80 กว่า แล้ว

คุณจะให้ท่านไปเดินตาม ท้องทุ่งท้องนา ต่อไปได้อย่างไร แต่ท่านเป็น ศูนย์รวมจิตวิญญาณ และ ก็ ราชอาณาจักรไทย คือ ราชอาณาจักร ของ คนไทย และ สังคมไทย ที่มีสถาบันกษัตริย์ เป็นสถาบันที่สูงสุด

รัฐธรรมนูญ ก็ยังระบุชัด มิน่า มันถึงต้องการแก้ แม้กระทั่ง รัฐธรรมนูญ ที่จะยกเลิก หมวดกษัตริย์ ยกเลิก หมวดองคมนตรี เห็นหรือยังพี่น้อง ผมก็เลย อยากจะถาม แล้วผมถามมานานแล้ว ตั้งแต่ผมสู้มา และ พี่น้องร่วมสู้กับผม ว่า

สรุปแล้ว ใครเอา พระเจ้าอยู่หัวยืนข้างนี้ ใครไม่เอาพระเจ้าอยู่หัว มึงออกไปเลย ไม่เคยเปลี่ยนจุดยืนนี้ ไม่เคยเปลี่ยน ผมถามถึง ผู้บริหาร มหาวิทยาลัย ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จุฬาฯ

จุฬาฯ นี่เป็น มหาวิทยาลัย เหมือนมหาวิทยาลัย ของเจ้าเลย รัชกาลที่ 5 ตั้ง พระราชทาน ที่ให้อยู่กัน เงินทองเยอะแยะไ ปหมดมาพัฒนา มีสยามสแควร์ ทั้งอัน ยกให้ เอาไปทำมาหากิน มีรายได้มาก ก็เอาเงินนี้มาสนับสนุน จุฬาฯ สนับสนุนให้ จุฬาฯ เจริญ ให้จุฬาฯ มี ตึกรามบ้านช่อง ให้จุฬาฯ มีเงินมีทอง มาลงทุน ในการวิจัย มาลงทุน ในอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ มีทุกอย่าง พระองค์ท่าน ทำหมดทุกอย่าง เพื่อให้ พวกคุณ บางคน มาจาบจ้วง แล ะล้มกษัตริย์

นายใจ อึ๊งภากรณ์ หรือใครก็ตาม ที่คิดจะล้ม มาตรา 112 แท้ที่จริงแล้ว ต่อไป ก็คือ การล้ม สถาบันกษัตริย์ นั่นเอง คุณไม่ควรที่อยู่ใน สถาบันการศึกษา มาสอนหนังสือ คุณแยกไปซิ คุณไปที่โน่น ไปที่ นายคุณ ที่คุณเทิดทูน ไปที่เกาะกงไป ไปตั้งให้ ทักษิณ ตั้งยูนิเวอร์ซิตี ออฟ เกาะกง แล้วก็ไปสอนเลย ว่าระบบกษัตริย์ไม่ดีอย่างไร คุณไปสอนที่นั่น คุณอย่ามาอยู่ใน เมืองไทย ให้หนักแผ่นดิน พี่น้อง นายใจ ยังเขียนอะไร อีกเยอะแยะนะ ที่หมิ่น พระเจ้าอยู่หัว อย่างหนักหนาสาหัส แล้วมันขึ้นบนเวทีเสื้อแดง เมื่อวันที่ 31 เทิดทูน ทักษิณ เทิดทูน คนเสื้อแดง คุณจะ เคียดแค้น อะไรกันนักกันหนา

บอกผมหน่อยซิ พ่อคุณ ดร.ป๋วย สร้างชื่อให้กับ สังคมไทย มามากมาย แต่คุณกำลังทำลาย ชื่อเสียงพ่อคุณ ให้พังพินาศไป พี่น้องเห็นหรือยัง นี่คืออันหนึ่ง

สำหรับ นายจักรภพ เพ็ญเเข ผมอยากจะถาม ก็ทนไม่ได้ ต้องถามกลับ จงรัก จุฑานนท์ ว่าทีคดีหมิ่นของ สนธิ ที่เอา ดา ตอร์ปิโด มาเล่าให้ฟัง ว่า หมิ่นอย่างไร คุณสั่งฟ้องไปแล้ว คุณมอบตัวผมให้ อัยการแล้ว คุณเรียบร้อยแล้ว คดีวีระอยู่ไหน คดีจักรภพ อยู่ไหน คดีอีกหลายคดีอยู่ไหน นี่คือจงรัก ณ ซานติก้า

พี่น้องครับ จำได้หรือเปล่า ผมไปพูดที่ สระบุรี ผมบอกว่า สงครามประชาชน เริ่มแล้ว ผมจะพูดก่อน ที่จะมีเรื่องเกิดขึ้น ทุกครั้ง และ ผมจะบอก พ่อแม่พี่น้อง อย่างหนึ่ง ผมจะฝากไปถึง พ่อแม่พี่น้อง ที่ เพชรบุรี ปราณบุรี สมุทรสาคร แม่กลอง ให้เตรียมตัวไว้

ผมขอร้อง ถ้าเมื่อใด พวกเสื้อแดง เดินขบวน เพื่อที่จะเข้าไปสู่ หัวหิน เพื่อไปป่วน การประชุมซัมมิท งานต้องเข้า เพชรบุรี ปราณบุรี แม่กลอง สมุทรสาคร ประจวบฯ ต้องอย่าให้ พวกเสื้อแดง เข้าไปใน หัวหิน เพื่อระคายเคือง เบื้องพระยุคลบาท เป็นอันขาด และ ต้องไปอย่างไรเป็นกันพี่น้อง พี่น้อง เพชรบุรี ปราณบุรี ประจวบ ราชบุรี แม่กลอง มหาชัย เตรียมตัว ประสานงานกันไว้ เมื่อไหร่ ก็ตาม ไอ้สามเกลอหัวขวด พาพลพรรคเสื้อแดง เดินไปเมื่อไหร่ พี่น้อง ระดมคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ราชบังลังก์ ไปบล็อกมัน ทันที ไม่ต้องกลัวมัน อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด พี่น้อง

พี่น้อง วันนี้เป็นวันที่ อีแอบทั้งหลาย โผล่มาหมดแล้ว การประชุมสัมมนา ของพรรคเพื่อไทย ที่เขาใหญ่ เห็นหน้าตากันหมด พี่น้อง คนอย่าง ทนง พิทยะ กำลังถูกเสนอให้เป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทุกคนพูดถึง การต่อสู้ระยะยาว ทุกคนพูดถึง โอกาสที่จะกลับมา มีอำนาจ ทุกคนพูดถึง การต่อสู้ ที่ในที่สุดแล้ว จะต้องได้รับชัยชนะ ทุกคนพูดถึง คำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่พูดถึง การที่จะกลับมาสู้ ไม่ยอมแพ้ และ ขอกลับมาเป็น นายกฯ

พี่น้อง เด๊ยวเจ๊ๆ ถ้าจะปล่อย สัตว์เลื้อยคลาน หันไปข้างหลังโน่น มันกระโดด ใส่ตัวผม พี่น้อง คนเราผิดสัญญาได้ เพราะว่าสัญญา นั้น เปลี่ยนแปลง ไป ตามเงื่อนไข ที่เปลี่ยนแปลง แต่ผิดสัจจะ ไม่ได้ใช่ไหม พี่น้อง

3 พฤศจิกายน 49 นายนพดล ปัทมะ สัมภาษณ์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็อาจจะยุติ บทบาททางการเมือง เนื่องจาก ครอบครัวอยากให้ หยุดเล่นการเมือง อยู่แล้ว

15 มกราคม 50 นายทักษิณ สัมภาษณ์ CNN จากนี้ไป จะขอกลับมาเป็น ชาวบ้านธรรมดา ทำงานเพื่อสังคม ไม่คิด กลับมาเล่นการเมืองอีก

22 มกราคม 50 ไม่ต้องการ จะกลับมาเล่นการเมือง ในอนาคต เพราะประกาศวางมือ ชัดเจนแล้ว

25 มกราคม 50 ผมเลิกเล่นการเมืองแล้ว ไม่ต้องวิตก

12 กุมภาพันธ์ 50 ผมไม่สนใจ ที่จะกลับไปทำธุรกิจ หรือ เล่นการเมือง

2 มีนาคม 50 ผมไม่มีความทะเยอทะยาน ที่จะหวนคืน สู่การเมืองอีก การรับใช้ประเทศชาติ มา 6 ปี นับว่าเพียงพอแล้ว สำหรับผม

14 มีนาคม 50 ขอยืนยันอีกครั้งว่า คุณทักษิณ วางมือทางการเมืองแน่นอน จากปาก ของ นายนพดล ปัทมะ จึงไม่มีความจำเป็น ต้องมาเล่นการเมืองอีก ถึงแม้ผมจะถอย จากการเมืองแล้ว แต่ในฐานะ ที่เคยได้รับไว้วางใจ ก็จะฝากพี่น้องอดทน ช่วยกัน ส่งเสียลูกหลาน ให้เรียนหนังสือ มีความรู้ สอนให้เป็น คนดี (อย่าเป็นอย่างผม)

16 พฤษภาคม 50 ที่ผ่านมา เท่าที่คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกอบกับ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ก็ชัดเจนว่า จะวางมือทางการเมือง

17 พฤษภาคม 50 ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส ผมยืนยันว่า วางมือทางการเมือง แน่นอน และ พร้อมจะให้ความร่วมมือ ทุกอย่าง

31 พฤษภาคม 50 ถึงแม้ว่า ผมจะประกาศวางมือ ทางการเมือง ก่อนหน้านี้ ผมอยากจะ เรียกร้อง ให้สมาชิกทั้งหลาย ได้รวมตัว ดำเนินกิจกรรม ทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของประชาชน และ ประเทศชาติต่อไป

7 มิถุนายน 50 จากนั้น ผมจะกลับไปช่วยเหลือประเทศ ในฐานะ ประชาชนธรรมดา หลังจาก ผมเกษียณทางการเมือง

15 มิถุนายน 50 ผมประกาศ เลิกเล่นทางการเมือง ไปแล้ว

5 กรกฎาคม 50 จะไม่หวน กลับไปเล่นการเมือง

29 กรกฎาคม 50 ไม่มีแผน จะไปเล่นการเมือง ในประเทศไทยอีก

28 ตุลาคม 50 การให้คำปรึกษาให้ได้ แต่ว่าการเมืองผมไม่เล่น

7 ธันวาคม 50 สัมภาษณ์ สำนักข่าวรอยเตอร์ ผมไม่ต้องการ จะกลับมาเป็นนายกฯ อีก มันมากไปแล้ว ภรรยาผม จะหย่า ถ้าผมกลับไป เล่นการเมืองอีก

25 ธันวาคม 50 การเดินทางกลับ ดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการกลับไป เพื่อเล่นการเมืองอีก ต้องการกลับมาใช้ชีวิต อย่างพลเรือนสามัญ

2 มกราคม 51 จะวางมือ ทางการเมือง 100 เปอร์เซ็นต์ จะคอย ให้คำปรึกษา

25 กุมภาพันธ์ 51 นายนพดล พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศวางมือ ทางการเมืองไปแล้ว การจะกลับมา ก็เพื่อต่อสู้คดีเท่านั้น

27 กุมภาพันธ์ 51 เลิกแล้วจ๊ะ ถอยดีกว่า อยู้บ้านกอดเมีย โดยยืนยันว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับ การเมืองเด็ดขาด

4 มีนาคม 51 ให้สัมภาษณ์นิตยสาร ไฟแนนเชียลไทมส์ จะไม่กลับมา เล่นการเมือง

17 มีนาคม 51 ให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชนต่างประเทศ 10 สำนักข่าว ไม่ต้องการกลับเข้ามา เล่นการเมืองอีก เพราะ ภรรยา และครอบครัว ขอร้อง


ถุย นี่ไง ไอ้คนที่มันพยายาม ยุพวกไทยรักไทยให้สู้ ผมจะกลับมาเป็น นายกฯ อีกครั้งหนึ่ง มันลืมแม้กระทั่ง น้ำลาย ที่มันถุยลงพื้นดิน ว่ามันถุย อะไรไว้มั่ง ไอ้คนอย่างนี้ เจ๊เงียบๆ ใจเย็นๆ ถ้าเจ๊ดังอย่างนี้ ผมไม่พูดต่อนะ ไอ้คนประเภทนี้ ยังมีหน้า มาบอกให้ พลพรรคมัน ว่า ถ้าเป็น เสือหิว ต้องทนหิว อย่าว่าแต่หิวเลย พวกมึงธรรมดา แดก ก็ยังไม่พอจะแดก อยู่แล้ว โทษนะ พูดหยาบหน่อยนะ แดกไม่รู้จักอิ่ม กินเท่าไหร่ ก็ไม่รู้จักพอ พี่น้องเห็นหรือยัง


ด้วยเหตุนี้ กระบวนการเสื้อแดง กระบวนการ จักรภพ เพ็ญแข ขบวนการ ในสภา โยงไปจนถึง ขบวนการพรรคเพื่อไทย ไอ้พวก อีแอบ ทั้งหลาย ออกมาหมดแล้ว

ตอนนี้ นายใจ อึ๊งภากรณ์ ใครจะไปคิดถึง ลูกชาย ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ขึ้นเวทีเชียร์ทักษิณ ท่ามกลางเสื้อแดง บอกผมเมื่อ 3 ปี ที่แล้ว ตีให้ตาย ผมยังไม่เชื่อเลย อาจารย์มหาวิทยาลัย นายพลเอก นายพันเอก ร่วมเซ็นชื่อ ยกเลิกมาตรา 112 ซ้ายอกหัก ซ้ายคอมมิวนิสต์ ที่ต้องการ ล้มล้าง สถาบัน ผสมผสาน อยู่ที่สัมมนา ที่เขาใหญ่ หมดเลยทุกคน ทุกคนโผล่หน้ามา

เห็นตัวตนที่แท้จริง เป็นการชุมนุม พวกสัตว์เลื้อยสัตว์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แล้วพี่น้องคิดว่า บ้านเมืองเรา จะสงบเหรอ ไม่สงบ พี่น้อง มันจะสงบ ได้ยังไง แต่อย่างน้อย พี่น้องต้องรู้ ว่า

ขณะนี้ ถ้าเราถอย แม้แต่ก้าวเดียว ถ้าเราท้อ แม้แต่อึดใจเดียว เราแพ้ ต้องไม่ถอยและไม่ท้อ นอกจาก ไม่ถอย ไม่ท้อแล้ว ยังต้องฮึกเหิม พร้อมที่จะ ออก ทุกเมื่อ มีการเป่านกหวีด และ ออกมาทั่วประเทศไทย นี่ไม่ได้ยุให้ออกนะ แต่ให้ เตรียมความพร้อมไว้ ใครที่อ้วน ไปลดความอ้วน ซะ ออกสู่ ถนน งวดนี้ ผู้หญิงพันธมิตรฯ ต้องทรวดทรงสเลนเดอร์ ทุกคน รวมทั้ง พิธีกร ด้วย พี่น้อง

พี่น้องครับ มีเรื่องที่จะต้องพูด อีกมากมาย อีกเยอะแยะไปหมด ผมคิดว่า ผมจะทำหน้าที่ ในการเล่าเรื่องราวต่างๆ เพื่อให้พี่น้อง ได้รับทราบ พี่น้อง อย่าทอดทิ้ง ซึ่งกันและกัน ผมพูดมานานแล้ว เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราเป็น ครอบครัวพันธมิตรฯ

สิ่งหนึ่ง ที่เขากลัวเรา ที่ระบอบทักษิณกลัวเรา ที่ทุกๆ คนกลัวเรา ก็เพราะว่า เราเป็นครอบครัวเดียวกัน พี่น้อง อย่าแตกแยกกัน พี่น้อง ที่อยู่ ต่างจังหวัด พี่น้อง ที่อยู่ อเมริกา ถ้าพูดถึง เรื่องส่วนรวม ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ราชบัลลังก์แล้ว ต้องมีเป้าเดียวกันหมด ทิ้งความเป็น อคติ ไม่ชอบเป็นส่วนตัว ไว้ข้างๆ ตัว แล้วจับมือกัน เพื่อเดินหน้ากันต่อไป

เชื่อผมพี่น้อง เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ทำกันง่ายๆ แต่เราทำสำเร็จแล้ว 193 วัน หลอมพวกเรา เข้ามาหาสู่กัน พี่น้อง อย่าเพิ่งแตกกระจายกัน เป็นชิ้นเป็นอัน ขอให้เป็น เหล็กสแตนเลส ที่แข็งแกร่ง

ถ้าเป็นเหล็กแท่ง ก็เป็น เหล็กแท่งเดียวกัน ไม่มีตำหนิ ถ้าเป็นเหล็กกลม ก็เป็นเหล็กกลม ที่กลม ไม่มีรอยเบี้ยว พี่น้องต้องจำเอาไว้ สิ่งหนึ่ง 193 วัน ที่เราทำมานั้น ไม่มีใครทำได้ เสื้อแดง ก็ทำไม่ได้พี่น้อง ในขณะที่ กินเนส เวิลด์ออฟเรคคอร์ด ลงประวัติเราว่า เป็น การประท้วง ที่ยาวที่สุดในโลก นานที่สุดในโลก เขาก็ลงประวัติ เสื้อแดง ว่าเป็นการประท้วง ที่สั้นที่สุดในโลก

astv_mgr-200ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 7 กุมภาพันธ์ 2552 06:51 น.
http://manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9520000014255


พิมพ์ ข่าวนี้ “สนธิ” แฉ 3 เครือข่ายหนุน “นช.แม้ว” จวก “จงรัก” ขายวิญญาณให้ “ทักษิณ”


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

Blog at WordPress.com.