Accom Thailand

April 4, 2009

วันที่ 8 เมษายน หาใช่ “ยกสุดท้าย”

Filed under: การเมืองภาคประชาชน,การแก้ไข รธน.,ก่อความไม่สงบ,ข่าวการเมือง,ข่าวฉาว,ข่าวประชาสัมพันธ์,ข่าวสังคม,คดีที่ดินรัชดาฯ,คดียุบพรรค,คดีอาญา,คดีแพ่ง,ความขัดแย้ง,ความมั่นคง,คอร์รัปชั่น,คำพิพากษา,คำสั่งศาล,คุณธรรม,จริยธรรม,ชุมนุมประท้วง,ทุจริต,ประวัติศาสตร์ไทย,พ.ร.ก.ฉุกเฉิน,ศาลปกครอง,ศาลรัฐธรรมนูญ,อาชญากรรม,เสื้อแดง — accomthailand @ 04:10
Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

หยุด! เอาชาติเป็นเดิมพัน ทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ

8 เมษายน 52 วันนัดหมายใหญ่ของ “คนเสื้อแดง” ที่ ทักษิณ ชินวัตร และ แกนนำคนเสื้อแดง หมายมั่นปั้นมือ จะให้เป็น วันแห่ง การเปลี่ยนแปลง การเมือง ครั้งใหญ่ บน เป้าหมาย “เปรม ลาออก อภิสิทธิ์ ยุบสภา” “ล้มล้าง อำมาตยาธิปไตย – ทำลาย ชนชั้นสูง”

ประธานองคมนตรี - รัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

ประธานองคมนตรี - รัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์


ไม่ต้องรอถึง วันนั้น ก็รู้ได้ว่า สิ่งที่ ทักษิณ – เสื้อแดง คิดก่อการ ไม่มีวัน สัมฤทธิ์ผล แน่ เพราะคนอย่าง ประธานองคมนตรี – รัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผู้ผ่าน การรบ – การเมือง มาอย่างโชกโชน และ สมัยเป็น นายกฯ 8 ปี ก็สู้รบตบมือ กับ สารพัดแรงกดดัน ทั้งใน ทำเนียบฯ – นอก รัฐสภา มาหมดแล้ว แค่ ม็อบเสื้อแด – วีดีโอลิงก์ ทักษิณ แค่นี้ เชื่อได้ว่า ชายชาติทหาร อย่าง “ป๋าเปรมฯ” ไม่ถอดใจแน

ส่วน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็เช่นกัน แม้ อายุอานาม จะน้อย และ ถูกมองว่าเป็น ลูกคุณหนู – ลูกผู้ดี เจอแรงเสียดทานหนักๆ อภิสิทธิ์ จะอำลาตำแหน่ง ก็เป็นเรื่อง ที่คิดได้ แต่คงยาก จะได้เห็น

เมื่อประเมินการสู้รบ ของ เสื้อแดง – ทักษิณ ยามนี้ วันที่ 8 เมษายน หาใช่ “ยกสุดท้าย” แม้แกนนำ นปช. ที่เป็นพวก เศษสวะ-ลิ่วล้อ-มือปืนรับจ้าง นายใหญ่ ในนิยาม ของ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะทำที ขึงขัง-ตาถลน เหมือนจะนำ กองทัพเสื้อแดง ทุบหม้อข้าว ทำศึกสงคราม กู้ชาติ ให้ใครบางคน ที่คิดร้าย ทำลาย แผ่นดินเกิด เพราะดูจาก สภาพการณ์ และ ยุทธศาสตร์ การวางแผนของ คนเสื้อแดง แล้ว แกนนำหลายคน ก็รู้ดีว่า ยากที่จะทำให้ทั้ง “เปรม-อภิสิทธิ์”ตอบรับ ทุกเงื่อนไข

เพียงแต่การระดมพล ทำศึก 8 เมษายน หวังให้ แดงทั้งแผ่นดิน แล้วเขย่าขวัญให้ รัฐบาล และ บ้านสี่เสาฯ ผวาเล่น แล้วโอบล้อม ที่มั่น เพื่อให้เกิด การเผชิญหน้า เท่านั้นเอง แต่ก็ เชื่อได้ว่า รัฐบาล – กองทัพ – ตำรวจ ก็ย่อมอ่านเกม นี้ออก และ ไม่ตกหลุมพราง แม้จะมีความพยายาม ยั่วยุ รวมถึงอาจจะมี “มือที่สาม” มาสร้างสถานการณ์ เพื่อให้ ปิดเกม เร็ว

การศึก 8 เมษายน มันจึงอยู่ใน ช่วงเริ่มต้น “ยกที่ 2” หลังจาก ยกแรก ผ่านพ้นไป ซึ่ง ยกแรก ที่ ทักษิณ-เพื่อไทย เน้น กลยุทธ์ “ทำลายความน่าเชื่อถือ” เพื่อให้เกิด สภาวะวิกฤตศรัทธา แก่ องค์กร-ตัวบุคคล ที่ถูกกล่าวถึง ทั้งใน วีดีโอลิงก์ และ บนเวที ข้างทำเนียบรัฐบาล เป็นหลัก

ไล่เรียงตั้งแต่ สถาบันองคมนตรี และ องคมนตรี ทักษิณ และ เสื้อแดง พยายามใส่ความว่า “ขาดความเป็นกลาง – ฝักใฝ่การเมือง หนุนพรรคประชาธิปัตย์” ที่ระบุชื่อ ทั้ง พลเอก เปรม, พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ ชาญชัย ลิขิตจิตถะ

แต่ผู้ถูกเอ่ยชื่อ ออกมาสวนกลับ และ ปฏิเสธ ข้อกล่าวหาทั้งหมด ให้สังคม ได้ข้อมูล 2 ด้าน ว่า ใครพูดจริง พูดเท็จ ฝ่ายไหนชั่ว และ ฝ่ายไหน ทำไปเพื่อ ปกป้องประเทศชาติ และ สถาบันหลัก

สำหรับ องค์กรศาล ก็พบว่า ทักษิณ พยายามโจมตีทำให้ องค์กรศาล ถูกมองว่า ไม่มีความยุติธรรม โดย ทักษิณ อ้างถึง การพิจารณาคด ของ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญา ของ ผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ที่ตัดสิน จำคุก เขา 2 ปี เป็นกระบวนการ ไม่ยุติธรรม

ถึงกับระบุว่า ทั่วโลก ไม่ยอมรับระบบศาลเดียว แบบที่ ศาลฎีกาฯ ถูกออกแบบเอาไว้ และ ระบบไต่สวน ที่ให้ จำเลย แก้ข้อกล่าวหาของ โจทก์ ก็เป็นระบบที่ นานาประเทศ ไม่เห็นด้วย และ ยกเลิก กันไปหมดแล้ว

หรือ กรณี การตัดสิน ของ ศาลรัฐธรรมนูญ “คดีชิมไปบ่นไป” ของ สมัคร สุนทรเวช ที่ ทักษิณ บอกว่า ทำให้ ประเทศไทย กลายเป็น ไทยแลนด์ อิส อะ โจ๊ก เพราะ ตัดสินเอาผิด ตาม พจนานุกรม มากกว่า ยึดหลักกฎหมาย

รวมทั้งยัง ทิ่มแทงไปที่ ผู้นำศาล-ตุลาการ หลายครั้ง อันพุ่งไปที่ อักขราทร จุฬารัตน ประธาน ศาลปกครองสูงสุด ที่เป็น อดีต ตุลาการรัฐธรรมนูญ ใน “คดียุบพรรค ไทยรักไทย” และ จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มี บทบาทสำคัญใน “คดี ชิมไปบ่นไป” และ“คดียุบพรรค พลังประชาชน” ว่า

ทั้งสองคน มีส่วนร่วมวางแผน การทำปฏิวัติ 19 กันยายน 49 และ ใช้อำนาจตุลาการ ล้มล้าง รัฐบาลไทยรักไทย

สำหรับกองทัพ พบว่า ทักษิณ-เสื้อแดง มุ่งหมายเพื่อ การแก้แค้น อย่างเห็นได้ชัด ในประเด็นเรื่อง กองทัพ ทำตัวเป็น “เปลือกหอย” ให้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ ทั้งการที่ ผู้นำเหล่าทัพ และ ตัว รมว.กลาโหม คือ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รับบำเหน็จ จากการช่วยตั้งรัฐบาล

เช่นการที่ รัฐบาล ให้งบกับ กองทัพ อย่างง่ายดาย หลายครั้ง อาทิ งบ 1 พันล้านบาทให้ กอ.รมน. ไปทำการสลาย กลุ่มเสื้อแดง โดยไม่สามารถตรวจสอบ การใช้งบ ดังกล่าวได้

เมื่อ ยกที่ 1 ของ การตั้งกองกำลัง เสื้อแดง จนล้อมทำเนียบรัฐบาล ได้ 10 วัน 10 คืน สำเร็จ และ ใช้สงครามปาก ทำลายความเชื่อถือต่อ สถาบันสำคัญ ไปแล้ว ตอนนี้ให้ จับตา ยกที่ 2 เอาไว้ ซึ่งข่าวว่า จะเป็นสถานการณ์ที่ ดุเดือดเลือดพล่าน อาจต้องมี การเสียเลือดเนื้อกันอีกครั้ง

ก่อนจะประเมิน ศึกยืดเยื้อ นี้ว่า จะจบอย่างไร ขณะนี้ เริ่มมีข่าวแพร่สะพัดใน วงการการเมือง ว่า จะมี “คนกลาง” เข้ามา คลี่คลายสถานการณ์ ก่อนที่ จะยกระดับไปสู่ ความรุนแรง ในอีก ไม่กี่วันข้างหน้า

ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ออกมาระบุว่า หลังสงกรานต์ จะมีข่าวดี เพราะผู้มีบุญบารมี จะมาไกล่เกลี่ยปัญหา และ เป็น “คนกลาง” ที่ทุกฝ่ายให้ ความเคารพ


ก่อนหน้านี้ ชัย ชิดชอบ เข้าออกบ้านสี่เสา อย่างถี่ยิบ ในช่วงก่อนให้ ลูกชาย เนวิน ชิดชอบ แปลงร่างเป็น งูเห่า เพื่อไทย ล้มการจัดตั้ง รัฐบาลเพื่อไทย เสมือนว่า ชัย ชิดชอบ รู้สัญญาณอะไรมา แน่นอนว่า การมาของ คนกลาง จะเป็น ฉากการเมือง ในตอนต่อไป แต่จะหมุนเปลี่ยน สถานการณ์ ออกไปจาก เหตุการณ์ปัจจุบัน ได้แค่ไหน หรือไม่ ก็ต้องจับตา ติดตามกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลายคนหวั่นใจว่า มันจะมีเหตุรุนแรง ก่อนสงกรานต์ เพราะอาจ เกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งมีข่าวว่า ทักษิณ-เสื้อแดง ต้องการให้เกิด การเผชิญหน้า จนเกิดเหตุรุนแรง และ แตกหัก กันไปข้าง

ถ้าหาก ทักษิณ-เสื้อแดง ต้องการเช่นนั้นจริงๆ “บาปการเมือง” นี้ คงไม่มีใครให้อภัย หากคิดเอา ประชาชน มาเป็น “เครื่องมือแก้แค้น” ให้ฝ่ายตัวเอง

เราขอบอกไปยัง ทักษิณ – แกนนำคนเสื้อแดง – ส.ส.เพื่อไทย – อดีตกรรมการบริหารพรรค ไทยรักไทย และ พลังประชาชน – เจ้าหน้าที่รัฐ และ นักธุรกิจ ซึ่งหนุนหลัง การชุมนุม ครั้งนี้ว่า ทุกท่าน มีสิทธิ์ที่จะ เคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน จะ หน้าทำเนียบรัฐบาล หน้ารัฐสภา หรือ แม้แต่ หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พลเอกเปรม หาก ทุกคนเคลื่อนไหว รวมตัวเรียกร้อง ภายใต้ หลักกฎหมาย ความเคารพ ในสิทธิ ของ ผู้อื่น ไม่เปิดเวทีปราศรัย แล้วใส่ร้ายป้ายสี ให้ความเท็จ ปลุกระดม ให้เกิดความเกลียดชัง และ เคียดแค้น จนนำไปสู่ ความแตกแยก และ ปลุกปั่น ให้เกิด ความรุนแรง ในรูปแบบต่างๆ


เท่าที่ ติดตาม การชุมนุมของ คนเสื้อแดง ก็เชื่อว่า เป็นฝ่ายต้องการ จะให้เกิด ความรุนแรง เพื่อบีบให้ รัฐบาล ต้องดำเนินการ อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การใช้ กฎหมายความมั่นคง หรือ ประกาศ สภาวะฉุกเฉิน ซึ่งทั้งหมด จะยิ่งทำให้ การชุมนุมของ คนเสื้อแดง มีความชอบธรรม มากขึ้น และ ทำให้รัฐบาล อยู่ใน สถานการณ์เพลี่ยงพล้ำ ทันที

ขณะที่ดูท่าที รัฐบาล ยังเชื่อว่า น่าจะอดทน จนถึงที่สุด และ ไม่ใช้ความรุนแรง กับ ประชาชน แม้จะมี ความพยายาม หวังสร้างสถานการณ์ เพื่อนำไปสู่เหตุวุ่นวาย จนอำนาจรัฐ ง่อยเปลี้ย ซึ่งเห็นแล้วว่า ตลอดช่วง การชุมนุมล้อมทำเนียบรัฐบาล

ซึ่งถึงวันนี้ เป็น วันที่ 10 แล้ว รัฐบาล-ตำรวจ-กองทัพ ก็ปล่อยให้ ใช้สิทธิเต็มที่ ไม่ได้มีการสั่งให้ สลายการชุมนุม หรือ ใช้ความรุนแรง ไม่มี การตัดสัญญาณ การโฟนอิน – วีดีโอลิงค์ – การถ่ายทอด เสียง ทั้งทีวี วิทยุ อินเตอร์เน็ต

จน รัฐบาล และ หน่วยงานความมั่นคง ถูกด่า เสียด้วยซ้ำ ว่า ไม่เด็ดขาด อ่อนหัด และ หน่อมแน้ม แต่อีกความเข้าใจหนึ่ง ก็อ่านใจได้ว่า หาก รัฐบาล คิดจะเล่นงาน หรือ สกัดการชุมนุมจริง ก็สามารถ ทำได้ แต่มันจะ “เข้าทาง” คนเสื้อแดง

เช่น การตัดสัญญาณ วีดีโอลิงก์ หรือ ไม่ให้มี การเผยแพร่เสียงภาพ ทางทีวี วิทยุ อินเตอร์เน็ต เพราะรู้ดีว่า จะถูกโจมตี ว่าเป็น เผด็จการ จนอาจนำมาเป็น เงื่อนไขปลุกระดม และ จะยิ่งทำให้ ประชาชน ยิ่งออกจากบ้าน มารวมตัวกัน หน้าทำเนียบรัฐบาล มากขึ้น

ขณะนี้ รัฐบาล ตั้งรับอย่างเดียว ยังไร้แนวทาง จะรุกกลับเมื่อไร แบบไหน มีแต่เปิดท่าที จะเจรจากับ คนทำลายชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ขัดต่อหลักนิติรัฐ จนหลายฝ่ายรับไม่ได้

ทั้งหลายทั้งปวง แม้จะมั่นใจ ลึกๆ ว่า 8 เมษายน ไม่น่าจะ เกิดเหตุ “ไทยฆ่าไทย จนเลือดนองท่วมแผ่นดิน ” อย่างที่ หลายฝ่ายหวั่นเกรง แต่ก็ใช่ จะวางใจเสียทีเดียว สิ่งที่อยากเตือน ทักษิณ – แกนนำเสื้อแดง ก็คือ

เรารู้ดีว่า คนอย่าง ทักษิณ ไม่หยุดคิดทำร้ายประเทศไทย แน่นอน ทว่า ขอเพียงให้ การวางแผนสู้รบนั้น อย่าเอา ประเทศชาติ เป็นเดิมพัน ทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ เพราะยามนี้ สิ่งสำคัญ ก็คือ ความสามัคคี ของ คนไทย ที่ต้องร่วมกันฟันฝ่า วิกฤตเศรษฐกิจ ไปให้พ้น

ดังนั้น ถ้าจะเคลื่อนไหวใดๆ ก็ทำไปเถิด ถ้าไม่ได้ทำให้ แผ่นดินไทยเสียหาย


ขณะเดียวกัน เราขอเรียกร้องให้ บรรดา ผู้มีอำนาจใน รัฐบาล กองทัพ และ แม้แต่ พลเอก สุรยุทธ์ ออกมาแสดงความรับผิด ในบทบาทหน้าที่ ที่ท่านมีอยู่ เพื่อแก้ปัญหา ให้เหตุการณ์ ความขัดแย้ง ครั้งนี้ยุติโดยเร็ว เพราะ เหตุปัญหา เริ่มมาจาก เรื่องส่วนตัว แต่ ประเทศชาติ และ ประชาชน ต้องรับผลกรรม

astv_mgr-200จาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 4 เมษายน 2552 04:10 น.

พิมพ์ ข่าวนี้ หยุด! เอาชาติเป็นเดิมพัน ทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ


ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

January 14, 2009

แค่ ถอดยศ “นช.ทักษิณ” จะเป็น จะตาย กันเชียวหรือ?


แค่ถอดยศ “ทักษิณ”…จะเป็นจะตายกันเชียวหรือ?

ไม่น่าเชื่อว่า แค่เห็น “กองวินัย” ชง เรื่องถอดยศ “พ.ต.ท.”ของ “ทักษิณ” เหล่าคนรอบข้าง ทั้งอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้งทีมกฎหมาย ของ “นายใหญ่” ต่างพากันโวยวาย


รับไม่ได้ที่ “นาย” จะเหลือคำนำหน้า แค่ “นาย” ทั้งที่รู้ว่า พฤติกรรม และ ความผิดของ “นาย” เข้าข่าย ต้องถูก ถอดยศ อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ยังพาล หาเหตุมาอ้าง และ ปกป้อง “นาย” อย่างไม่ลืมหูลืมตา ลองมาดูกันว่า เหตุผลที่ คนเหล่านี้ ยกขึ้นมาอ้าง มีอะไรบ้าง และ ฝ่ายต่างๆ ในสังคม มองเรื่อง การถอดยศ ทักษิณ และ การยึด เครื่องราชอิสริยาภรณ์ คืน จาก นักโทษหนีคดี ผู้นี้ อย่างไร


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายงานพิเศษ
จาก manager multimedia


คงยังจำกันได้ถึง วันประวัติศาสตร์ ที่เปลี่ยนสถานะของ อดีตนายกฯ อย่าง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จาก “จำเลย” ในคดี ซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ มาเป็น “นักโทษ” ที่หนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี

วันนั้น 21 ต.ค. 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา ชี้ความผิด ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่รู้เห็นเป็นใจ และ ใช้ตำแหน่ง นายกฯ เอื้อให้ คุณหญิงพจมาน ภริยา (จำเลยในคดีนี้เช่นกัน) ซื้อที่ดิน ย่านรัชดาฯ จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และ พัฒนา ระบบสถาบัน การเงิน ในราคาต่ำ

ม็บรักทักษิณ ถืป้ายเหน็บแนมศาล ที่หน้าศาลฎีกาฯ วันพิพากษา คดีซื้ที่รัชดาฯ (21 ต.ค.51)

ม็อบรักทักษิณ ถือป้ายเหน็บแนมศาล ที่หน้าศาลฎีกาฯ วันพิพากษา คดีซื้อที่รัชดาฯ (21 ต.ค.51)


โดยศาลฎีกาฯ ระบุว่า “ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น นายกฯ มีอำนาจบารมี เหนือ รัฐมนตรี และ มีอำนาจทาง การเมือง สูง อีกทั้งฐานะ การเงิน มั่งคั่ง ซึ่งตามหลักธรรมาธิบาล แล้ว นายกฯ ภริยา หรือ บุตร ไม่สมควรเข้าไป ประมูลซื้อที่ดิน ดังกล่าว เพราะการซื้อได้ราคาต่ำ ส่งผลให้ กองทุนฯ มีรายได้ น้อยลง

ขณะที่ คุณหญิงพจมาน (จำเลยที่ 2) ก็มี ผู้รู้จัก จำนวนมาก ประกอบกับ ข้าราชการ มีค่านิยม จำนนต่อผู้มีบารมีสูง นอกจากนั้น ยังอยู่ในฐานะที่อาจ ให้คุณให้โทษ ทางราชการได้ และ เมื่อปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้บัตรประจำตำแหน่งนายกฯ ลงนามยินยอมให้ คุณหญิง พจมาน ทำสัญญา ซื้อขายที่ดิน ย่อมถือได้ว่าเป็นการเข้าทำสัญญา ด้วยตัวเอง ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 100(1) วรรคสาม

ส่วนที่ พ.ต.ท. ทักษิณ อ้างว่า การลงชื่อยินยอม เป็นเพียงการทำ ตามระเบียบราชการ แต่ พ.ต.ท. ทักษิณ ก็ไม่มีหลักฐานมาแสดง ให้เห็นว่า ไม่มีส่วน รู้เห็น ต่อการซื้อขายแต่อย่างใด องค์คณะ จึงมีมติ 5 ต่อ 4 เห็นว่า พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วย ป.ป.ช.มาตรา 100(1) วรรคสาม และ ต้องรับโทษตามมาตรา 122”

ศาลฎีกาฯ ยังระบุถึงเหตุผล ที่ไม่รอ การลงโทษจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า “ขณะเกิดเหตุ จำเลย เป็น นายกฯ ได้รับมอบหมายให้ บริหารราชการ แผ่นดิน เพื่อประโยชน์สูงสุด แก่ ทางราชการ และ ประชาชน แต่ จำเลย กลับฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งที่เป็น หัวหน้ารัฐบาล ต้องกระทำตัว ให้เป็น แบบอย่าง ที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ประพฤติตนในสิ่งที่ดีงาม ตามจริยธรรม ของ นักการเมือง ให้เหมาะสม กับที่ ได้รับความไว้วางใจใน ตำแหน่งหน้าที่ อันสำคญยิ่ง จึงไม่สมควร รอการลงโทษ พิพากษาให้ จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี”

ปกติแล้ว เมื่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่าอย่างไร จะถือเป็นที่สุด จำเลย ไม่มีสิทธิ์ อุทธรณ์ใดใดอีก แต่เพราะ รัฐธรรมนูญ ปี 2550 (มาตรา 238 วรรค 3) เปิดช่องให้ จำเลย อุทธรณ์ได้ หากมี “พยานหลักฐานใหม่ ที่อาจทำให้ ข้อเท็จจริง เปลี่ยนแปลงไป ในสาระสำคัญ”

พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมีเวลา อุทธรณ์ 30 วัน แต่เมื่อครบกำหนด 19 พ.ย. เขาก็ไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์นั้น อาจเพราะจำนนด้วย หลักฐาน และ ไม่มี พยานหลักฐานใหม่ ที่จะมา อุทธรณ์ นั่นเอง!

การที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นถึง อดีตนายกฯ แต่กลับใช้ตำแหน่งนั้น ในทางมิชอบ ด้วยการเอื้อประโยชน์ให้ บุคคลในครอบครัว กระทั่งถูก ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก ส่งผลให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่เหลือเครดิตอีกต่อไป

ขนาด ประเทศอังกฤษ ยังประกาศ ถอนวีซ่าของ พ.ต.ท. ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ไม่ให้เดินทางเข้าประเทศอีก ขณะที่ในไทยเอง ก็เริ่ม มีเสียงเรียกร้อง ว่า เมื่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิ ของตำแหน่งนายกฯ แล้ว เขายังสมควร จะได้ครอง “เครื่องราชอิสริยาภรณ์” ที่ได้รับพระราชทานในฐานะ นายกฯ อยู่อีกหรือ ถึงเวลาที่จะต้อง ยึดคืนเครื่องราชฯ เหล่านั้นหรือยัง และ การที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ครองยศ ตำรวจ อยู่ด้วย แต่กลับประพฤติตน ไม่เหมาะสมแก่ เกียรติศักดิ์ ของ ตำรวจ กระทำการมิชอบจนถูก ศาลพิพากษา จำคุก เท่ากับนำความเสื่อมเสียมาสู่ วงการตำรวจนั้น ยังสมควรจะ ครองยศ “พ.ต.ท.” อยู่อีกหรือไม่?

ซึ่งสื่อหลายสำนักได้ค้น ระเบียบ-กฎหมาย เกี่ยวกับการยึดคืนเครื่องราชฯ และ การถอดยศตำรวจ มาตีแผ่ให้สังคม ได้ทราบว่า กรณีของ พ.ต.ท. ทักษิณ เข้าเงื่อนไขดังกล่าว หรือไม่ ซึ่งปรากฏว่า เข้าทั้ง 2 กรณี

โดยกรณีของ การยึดคืนเครื่องราชฯ นั้น มีระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วย การขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาต เรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ในฐานะนายกฯ ขณะนั้น เป็นผู้ลงนามเอง เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2548 ( ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 18 ส.ค. 2548 )

ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้กำหนด เงื่อนไขไว้ 8 ข้อ ที่เข้าข่ายต้องเรียกคืน เครื่องราชฯ ประกอบด้วย

(1) เป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ ประหารชีวิต
(2) เป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ จำคุก เว้นแต่ในความผิด อันได้กระทำ โดยประมาท หรือ ความผิดลหุโทษ
(3) เป็นผู้ต้องคำพิพากษาหรือ คำสั่งของศาล ให้ทรัพย์สิน ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือมี ทรัพย์สิน เพิ่มขึ้นผิดปกติ หรือเพราะ กระทำความผิด ตามกฎหมายว่าด้วย การป้องกัน และ ปราบปราม การฟอกเงิน
(4) เป็นผู้ถูกลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือ ให้ออก เพราะกระทำผิดวินัย ตามกฎหมายว่าด้วย ระเบียบข้าราชการพลเรือน หรือ ตามกฎหมาย อื่น โดยคำสั่ง อันถึงที่สุด
(5) เป็นผู้ถูกลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือ ให้ออก เพราะกระทำผิดวินัย จาก รัฐวิสาหกิจ หรือ หน่วยงานอื่น ของรัฐ โดยคำสั่งอันถึงที่สุด
(6) เป็นผู้ถูกถอดถอน ออกจากตำแหน่ง ที่ดำรงอยู่ เพราะมี พฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำความผิดต่อ ตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่า กระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรม หรือ จงใจ ใช้อำนาจหน้าที่ ขัดต่อ รัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมาย
(7) เป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ให้เป็น บุคคลล้มละลาย ทุจริต ตามกฎหมาย ว่าด้วยล้มละลาย
(8 ) เป็นผู้ประพฤติตน ไม่สมเกียรติ หรือนำเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ไปใช้ ในกรณีไม่สมควร

ซึ่งชัดเจนว่า กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่าย ข้อ 2 อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ จำคุก และ ดีไม่ดี อีกหน่อย อาจจะเข้าข่าย ข้อ 3 ด้วย ถ้า ศาลฎีกาฯ พิพากษาให ้ยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ฐานร่ำรวยผิดปกติ

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้ ผู้เกี่ยวข้อง ดำเนินการถอดยศ และ ยึดคืนเครื่องราชฯ จาก พ.ต.ท. ทักษิณ แต่เรื่องก็เงียบในสมัย รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท. ทักษิณ กระทั่ง เปลี่ยนรัฐบาลมาเป็น รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้ว ในส่วนของ การถอดยศ

พล.ต.�.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ชี้ การถ�ดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่�งละเ�ียด�่�น ต้�งพิจารณา�ย่างร�บค�บ

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ชี้ การถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

โดยเมื่อ วันที่ 8 ม.ค. พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บังคับการ กองวินัย เผยว่า กองวินัย ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า กรณีของ พ.ต.ท. ทักษิณ เข้าเงื่อนไข องค์ประกอบ ตามระเบียบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วย การถอดยศตำรวจ พ.ศ. 2547 เนื่องจาก ถูกศาลพิพากษาจำคุก และ คดีถึงที่สุดแล้ว จึงได้ส่งเรื่องไปยัง กองกำลังพล เมื่อวันที่ 5 ม.ค. และว่า ขั้นตอนต่อไป ทาง กองกำลังพล จะต้องประมวลเรื่อง เพื่อเสนอไปยัง พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาดำเนินการ ถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ต่อไป

ด้าน พล.ต.ต. ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการ กองกำลังพล บอกว่า ได้รับเรื่องจาก กองวินัย แล้วเมื่อ วันที่ 7 ม.ค. และ ว่า กองกำลังพล ต้องนำมา พิจารณาประมวลว่า กรณีดังกล่าว เข้าระเบียบเกี่ยวกับ กำลังพล หรือไม่

โดย กองกำลังพล จะทำไปตามขั้นตอน พร้อมยืนยันว่า จะไม่มีการยื้อ หรือ ประวิงเวลา แต่ขอเวลา ประมวลเรื่อง 1-2 วัน จากนั้น จะเสนอ พล.ต.อ. พัชรวาท เพื่อพิจารณา ดำเนินการ ตามขั้นตอนต่อไป

ขณะที่ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูเหมือนจะหนักใจ กับเรื่อง การถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ โดยบอกว่า ยังไม่เห็น เรื่องนี้ เสนอขึ้นมา และ ว่า เรื่องนี้เป็น เรื่องละเอียดอ่อน ต้องให้ เจ้าหน้าที่ ไปพิจารณา ทุกแง่ทุกมุม ให้เกิดความชัดเจน ต้องดูเจตนาของ ระเบียบ และ รายละเอียดของระเบียบว่า เขียนไว้อย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ ต้องพิจารณา อย่างรอบคอบที่สุด

วิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความข�ง พ.ต.ท.ทักษิณ �้าง การถ�ดยศทักษิณ เป็นการจ�งเวรไม่เลิก

วิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้าง การถอดยศทักษิณ เป็นการจองเวรไม่เลิก


ทั้งนี้ หลังมีข่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมพิจารณาเรื่อง ถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ปรากฏว่า ทีมทนาย และ โฆษกส่วนตัว ของ พ.ต.ท. ทักษิณ รวมทั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย ต่างอยู่ไม่เป็นสุข และ พร้อมใจกัน ออกมาโวยวาย แทน พ.ต.ท. ทักษิณ โดย

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตแกนนำ พรรคไทยรักไทย ปัจจุบันเป็น ทนายความ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ รีบออกมาบอกว่า การจะถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ เหมือนเป็นการ จองเวร พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่เลิก พร้อมอ้างว่า เรื่องนี้ ฝ่ายกฎหมาย ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ตรวจสอบ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และ ระเบียบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้ว พบว่า เจตนารมณ์ของกฎหมาย เรื่องการถอดยศนายตำรวจ นั้น เพื่อใช้ดำเนินการกับ ตำรวจ ที่ได้สร้าง ความเสียหาย เสื่อมเสียแก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยสร้างความเสียหายให้ สตช. ซ้ำยังสร้าง ความดีงามให้ สตช. มากมาย

นายวิชิต ยังชี้ ด้วยว่า คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลสั่งจำคุก ไม่ใช่ คดีอาญา ปกติ แต่เป็น คดีการเมือง ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ปรากฏว่า มีใครถูก ถอดยศ จาก คดีการเมือง นายวิชิต ยังตั้งข้อสังเกต การเดินหน้า เรื่องถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ด้วยว่า เพราะตำรวจ ที่ดำเนินการเรื่องนี้ (พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผบก.กองวินัย) นามสกุลเดียวกับ นักการเมืองใหญ่ใน พรรคประชาธิปัตย์ ใช่หรือไม่

นพดล ปัทมะ �ดีตที่ปรึกษากฎหมายข�ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้ การถ�ดยศ เท่ากับต้�งการไล่บดขยี้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณหมดหนทางต่�สู้

นพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้ การถอดยศ เท่ากับต้องการไล่บดขยี้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณหมดหนทางต่อสู้


ด้าน นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่า พล.ต.ต.ปัญญา เป็นญาติกับตนจริง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยสั่ง หรือ ขอร้องให้ ดำเนินการเรื่องนี้ พร้อมยืนยัน พล.ต.ต.ปัญญา ไม่เคยมาปรึกษา ดังนั้น จึงไม่ใช่ การกลั่นแกล้ง ทางการเมือง แน่นอน

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ก็ยืนยันว่า การพิจารณา ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องของฝ่าย ที่ต้องดำเนินการ ตามระเบียบ ไม่ได้มี การส่งสัญญาณใดใด ทั้งสิ้น และ ไม่ทราบว่า เรื่องนี้จะได้ข้อยุติอย่างไร ส่วนความเป็นไปได้ ในการขอคืน เครื่องราชฯ จาก พ.ต.ท. ทักษิณ นั้น นายอภิสิทธิ์ บอกว่า ยังไม่เห็นเรื่อง แต่ทุกอย่าง ต้องเป็นไปตามระเบียบ ระเบียบว่าอย่างไร ก็เอาตามนั้น ไม่มีการละเว้น และ กลั่นแกล้ง

ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาปกป้องนาย โดยข้องใจว่า ระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรื่องการถอดยศ มีการบังคับใช้อย่างเสมอภาคหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ไม่เห็นเคยมีข่าวการถอดยศตำรวจ ทั้งที่บางคนกระทำผิดร้ายแรงกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อีก

ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ก็รีบออกมาชี้เช่นกันว่า การที่ ตำรวจ จะพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ เห็นชัดเจนว่า ต้องการไล่บดขยี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้หมดหนทางต่อสู้ ซึ่งถือว่า ไม่เหมาะสม เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นถึง อดีตนายกฯ เคยทำ คุณประโยชน์มากมาย ให้บ้านเมือง นายนพดล ยังฝากถึง ตำรวจ และ ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ในขณะนี้ ด้วยว่า “คนล้มอย่าข้าม”

ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่�ไทย เตรียมถาม รัฐบาล จะแก้ปัญหา�ย่างไร ถ้าคนรักทักษิณ ไม่พ�ใจ การถ�ดยศ

ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เตรียมถาม รัฐบาล จะแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าคนรักทักษิณ ไม่พอใจ การถอดยศ


ด้าน ร.ต.ท. เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ก็ได้เตรียม ยื่นกระทู้ถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในการประชุมสภา สมัยสามัญ ที่จะมีขึ้น ในวันที่ 21 ม.ค. นี้ โดย 1 ใน 3 ประเด็น ที่ ร.ต.ท.เชาวริน จะถาม ก็คือ รัฐบาล จะแก้ปัญหาอย่างไร หากการถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ส่งผลให้ ประชาชนที่ยัง รักและศรัทธา ต่อผลงานของ อดีตนายกฯ ทักษิณ ออกมาประท้วง หรือ แสดงความไม่เห็นด้วย กับ การดำเนินการ ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ขณะที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ก็พูดถึง การเสนอถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่า แม้ในระเบียบ สามารถกระทำได้ แต่ที่ผ่านมา ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้ ร.ต.อ. เฉลิม อ้างว่า การถอดยศ จะทำได้กับ ตำรวจ ที่ยังรับราชการอยู่ เท่านั้น โดยประพฤติชั่วร้าย หรือ เป็นเรื่องทุจริต ต้องจำคุก แต่กรณี ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ออกจากราชการ มานานกว่า 30 ปีแล้ว และที่สำคัญ ร.ต.อ. เฉลิม ย้ำว่า คำสั่งของ ศาลฎีกาฯ ในคดีทุจริต ซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ไม่เข้าข่าย ที่จะนำมากล่าวอ้างว่า มีการกระทำทุจริต

ร.ต.อ. เฉลิม ยังชี้ด้วยว่า หากรัฐบาล ดำเนินการ เรื่องถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ จะถือเป็นการเลือกปฏิบัติ ใช้อารมณ์กลั่นแกล้ง และ จะยิ่งสร้าง ความแตกแยก ให้บ้านเมืองมากขึ้น เพราะเมื่อเทียบกับ กรณีของ พล.ต.ท. ชลอ เกิดเทศ (ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่า แม่ลูก ตระกูลศรีธนะขันฑ์ ที่ศาลอุทธรณ์ ตัดสินประหารชีวิต) และ นายตำรวจคนอื่นๆ ที่ถูกจำคุก นานถึง 14 ปี กลับไม่มีการถอดยศ

ร.ต.�.เฉลิม �ยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่�ไทย บิดเบื�นข้�เท็จจริง ด้วยการ�้างว่า การถ�ดยศ จะทำเฉพาะกับ ตร.ในราชการ เท่านั้น

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย บิดเบือนข้อเท็จจริง ด้วยการอ้างว่า การถอดยศ จะทำเฉพาะกับ ตร.ในราชการ เท่านั้น


ทั้งนี้ หากพิจารณาคำอ้างของ ร.ต.อ. เฉลิม ที่ว่า “การถอดยศตำรวจ จะทำกับตำรวจ ที่ยังรับราชการอยู่เท่านั้น” จะพบว่า เป็นการอ้างเท็จ เพราะระเบียบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วย การถอดยศตำรวจ พ.ศ. 2547 ที่ออกตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 สมัย พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ เป็น ผบ.ตร. ระบุไว้ชัดว่า การเสนอถอดยศสามารถ ดำเนินการได้ ทั้งกับ ผู้ที่อยู่ในราชการตำรวจ และ ที่พ้นจาก ราชการตำรวจ ไปแล้ว โดยกำหนดเงื่อนไข การกระทำ ที่เข้าข่ายถูกเสนอถอดยศไว้ 7 ข้อ ประกอบด้วย

(1) ต้องคำพิพากษาของศาล ถึงที่สุด ว่าทุจริตต่อหน้าที่ราชการ แม้ศาลจะ พิพากษารอการกำหนดโทษ หรือ กำหนดโทษ แต่รอการลงโทษไว้ ก็ตาม
(2) ต้องคำพิพากษาของศาล ถึงที่สุด ให้ลงโทษจำคุก หรือ โทษที่หนักกว่า จำคุก เว้นแต่ ความผิดลหุโทษ หรือ ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
(3) ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ให้เป็นบุคคลล้มละลาย เพราะก่อให้เกิดหนี้สินขึ้น โดยทุจริต
(4) กระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และ มีคำสั่งลงโทษไล่ออก จากราชการ
(5) ประพฤติชั่วร้ายแรง สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการ หรือ หน่วยงานของรัฐ
(6) ต้องหาในคดีอาญา แล้วหลบหนีไป สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการ หรือ หน่วยงานของรัฐ
(7) ถูกสั่งให้ออกจากราชการ เพราะขาดคุณสมบัติ มาตั้งแต่ก่อนได้รับการบรรจุเป็น ข้าราชการตำรวจ

ซึ่งชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายถูกถอดยศ ทั้งตามข้อ 2 และข้อ 6 คือ ต้องคำพิพากษาของศาล ถึงที่สุดให้ ลงโทษจำคุก และ ต้องหาใน คดีอาญา แล้วหลบหนีไป

การกล่าวอ้างของ ร.ต.อ.เฉลิม จึงเข้าข่ายเจตนา บิดเบือนข้อเท็จจริง ต่อสาธารณชน เพียงเพื่อปกป้อง หรือ ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น


เห็นปฏิกิริยาของ บรรดาแกนนำ พรรคเพื่อไทย และ คนรอบข้าง พ.ต.ท. ทักษิณ แล้ว ลองมาฟังมุมมองของ ฝ่ายอื่นๆ ในสังคมกันบ้างว่า จะรู้สึกอย่างไรกับ การถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ รวมถึง การยึดคืน เครื่องราชฯ ด้วย

พล.ต.ท. สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ให้สัมภาษณ์ วิทยุผู้จัดการ โดยยืนยันว่า พ.ต.ท. ทักษิณ สมควรถูกถอดยศ เพราะเข้าหลักเกณฑ์ ระเบียบของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชัดเจน ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ และ หากผู้เกี่ยวข้อง ไม่ดำเนินการ ก็จะถูกดำเนินคดี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ หาก ผบ.ตร. ไม่ดำเนินการ ผบ.ตร. ก็อาจจะต้องติดคุกแทน

เมื่อเข้าหลักเกณฑ์แล้ว เจ้าหน้าที่เขาไม่ทำเนี่ย เขาก็มีความผิด และ เขาก็ต้อง ถูกออกจากราชการ และ เขาก็ต้องถูก ดำเนินคดี ละเว้นการปฏิบัติ ตามหน้าที่

(ถาม – แต่ดูเหมือนสุ้มเสียง ของ พล.ต.อ. พัชรวาท จะค่อนข้างหนักใจ บอกว่า เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ?)


ไม่มีคำว่า ละเอียดอ่อน หรอกครับ มียศแบบนี้ แล้วผิดระเบียบอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องละเอียดอ่อน ถ้า ท่านพัชรวาท ไม่ดำเนินการ พัชรวาท ก็เข้าคุกแทน ถูกมั้ย ชัดเจนอยู่แล้ว ผมไม่ได้มองคำว่า ละเอียดอ่อน เลย

พงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ข้�งใจ มีการเลื�กปฏิบัติกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรื�ไม่ในการถ�ดยศ

พงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ข้องใจ มีการเลือกปฏิบัติกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ในการถอดยศ


(ถาม – คุณพงศ์เทพ โฆษกส่วนตัว คุณทักษิณ บอกว่า ที่ผ่านมา เห็นตำรวจ ทำผิดร้ายแรงกว่า คุณทักษิณ ไม่เห็นถูกถอดยศเลย?)


ต้องคดีสิ้นสุดนะ อย่างคุณทักษิณ คดีเรื่องนี้เนี่ย มันสิ้นสุดไปแล้ว


(ถาม – มีคนยกตัวอย่างว่า ทำไม พล.ต.ท ชลอ เกิดเทศ ถึงไม่ถูกถอด?)


อันนี้คดียังไม่สิ้นสุดฮะ อันนี้ ไม่ต้องมาเปรียบเทียบเลย เรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุด


(ถาม – บางคนบอกว่า เพราะคุณทักษิณถูกจับตา อยู่ในความสนใจ ก็เลยต้องถอดยศใช่มั้ย?)


ผมว่า ข้อที่ 1 มันเป็นระเบียบ ข้อที่ 2 การเป็นนายกฯ ก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย ถ้าหากว่าคนดังๆ ไม่ทำเป็นตัวอย่าง ก็ทำให้คนอื่นๆ ที่เป็น ข้าราชการ เนี่ย ก็ งั้นก็ไม่เป็นไร! มันก็เป็นมาตรการหนึ่ง ที่จะลงโทษ คนที่เป็นข้าราชการ อยู่ใน พ.ร.บ. ตำรวจ ได้เห็นว่า ถ้าเราทำผิดติดคุกไป เราก็ถูกถอดยศ อย่างนี้แหละ


ส่วนทางด้าน สภาทนายความ ซึ่งเคยออกแถลงการณ์ ก่อนหน้านี้ ว่า หากคดีซื้อที่รัชดาฯ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี ถึงที่สุดแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องดำเนินการ ปลด และ ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้ง สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ต้องเรียกคืน เครื่องราชฯ ทั้งหมดที่ พ.ต.ท. ทักษิณได้รับ กลับคืนโดยเร็วนั้น


ล่าสุด แหล่งข่าวจาก สภาทนายความ ก็ยืนยันว่า การถอดยศ และ การยึดคืน เครื่องราชฯ จาก พ.ต.ท. ทักษิณ ถือเป็น การดำเนินการ ตามกฎหมาย ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ ตามที่บางฝ่ายกล่าวอ้าง ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้อง ที่ต้องดำเนินการ ไม่ควรยื้อเวลา พิจารณาเรื่องนี้ หาไม่แล้ว จะโดนกฎหมาย เล่นงาน เสียเองได้


“คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว เป็นหน้าที่ กฎหมายบังคับให้ปฏิบัติ คงไม่ใช่เลือกปฏิบัติ เพราะข้อเท็จจริง มันประจักษ์ชัด นี่ไม่ใช่เฉพาะ ตำรวจ สำนักเลขาธิการ ครม. ก็ต้องถอด เครื่องราชอิสริยาภรณ์

(ถาม-กังวลมั้ย เพราะสุ้มเสียงของท่าน พัชรวาท บอกว่า เรื่องนี้เป็น เรื่องละเอียดอ่อน เราต้องพิจารณา อย่างรอบคอบ?)

มันเป็นข้อพิจารณา ของผู้มีหน้าที่ดำเนินการ ตามกฎหมาย จะใช้เวลาเท่าไหร่ ใช้เวลานานเกินไป มันก็ทำให้ มีข้อพิรุธ แต่ถ้าเป็นเรื่องของ การพิจารณาโดยหลักการ และ เหตุผล ก็ว่ากันไป ดูว่ามีอะไร ถ้ายังไม่ตัดสินใจ จะตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมา กลั่นกรอง ก็ว่ากันไป

(ถาม-ทางอดีต แกนนำไทยรักไทย บอกว่า เพราะ ผู้บังคับการ กองวินัย นามสกุล “เอ่งฉ้วน”ใช่มั้ย?)

ถ้าเขาไม่ทำ (ไม่ถอดยศ)สิ เขาจะผิด ไปอ่านกฎหมายดูให้ดี จะ ทักษิณ ชินวัตร หรือใคร ถ้าในอดีต เขาไม่เคยทำ (ผิด) เขาเคยปลดมั้ย จะ “เอ่งฉ้วน” หรือ อะไร ผมคิดว่า ก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าไม่ทำ เขาจะโดน กฎหมายเล่นงาน”

แหล่งข่าวจาก สภาทนายความ ยังเชื่อด้วยว่า การถอดยศ และ การยึดคืน เครื่องราชฯ จาก พ.ต.ท. ทักษิณ จะไม่เป็นเงื่อนไข ที่นำไปสู่ความรุนแรง จากกลุ่ม นปช. หรือ คนเสื้อแดง เพราะถึงแม้จะมี กระแสที่รัก พ.ต.ท. ทักษิณ มากจนไม่ดูว่า อะไรผิดอะไรถูก แต่ก็ควรจะรู้ว่า กรณีนี้ไม่ใช่ กรณีที่ ใครผิดใครถูก เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ ผิดจริงๆ และ ศาลฎีกาฯ ก็ตัดสินแล้ว

ด้าน พล.ต.ท. สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ อดีตผู้บัญชาการ ตำรวจสันติบาล ก็ฝากถึง บรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาพูด โจมตี การเสนอถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่า แทนที่ นักการเมืองเหล่านี้ จะมาพูดเฉไฉ เพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท. ทักษิณ ควรจะทำตัวเป็น นักการเมืองที่ดี ด้วยการพูดให้ เด็กรุ่นหลัง ได้เห็นว่า

คนที่เป็น นายกฯ ต้องเป็น ตัวอย่างที่ดี ต่อไป ใครมาปกครองบ้านเมือง หรือ เป็นข้าราชการ มียศมีตำแหน่ง ก็ต้องทำตัวให้ดี ไม่เดินตามแบบ อดีตนายกฯ บางคน ที่เดินทางผิดแบบนี้!!

ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ อมรรัตน์ ล้อถิรธร…รายงาน 14 มกราคม 2552 16:27 น.
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000004254


พิมพ์ ข่าวนี้ รายงานพิเศษ : แค่ถอดยศ “ทักษิณ”…จะเป็นจะตายกันเชียวหรือ?

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

December 16, 2008

เบื้องลึกยึดพาสปอร์ต “แม้ว”


“ประสงค์” แฉ เบื้องลึก ยึดพาสปอร์ต “แม้ว”
จวก ยุค “หมัก-สมชาย” ขรก. โดนบีบหนัก

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ


“ประสงค์” เผย เบื้องหลัง ริบพาสปอร์ตแดง “แม้ว” ระบุ เป็นคนทำหนังสือแจ้ง ปลัด กต. เอง โดยย้ำถึง ระเบียบปฏิบัติ ผู้ถือพาสปอร์ต ต้องคดีอาญา ถึงที่สุด ต้องยกเลิกทันที ไม่เช่นนั้น โดนฟ้องแน่ พร้อมชี้ พาสปอร์ตธรรมดา ต้องยกเลิก ด้วยเช่นกัน แฉ ยุคนอมินี ครองเมือง ขรก. โดนบีบ หน้าเขียว “หมัก” ถึงขั้น ข่มขู่ ให้ กต. หุบปาก ตั้งท่า ย้ายกราวรูด ตั้งแต่ ปลัดกระทรวง – อธิบดี – ทูต หากแตะเรื่องนี้


น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ ผ่านรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ทางเอเอสทีวี เมื่อเช้า วันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา กรณี กระทรวงการต่างประเทศ ได้เพิกถอน หนังสือเดินทาง นักการทูต หรือ พาสปอร์ตแดง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังหลบหนี โทษจำคุก ในคดีที่ดินรัชดาฯ อยู่ในต่างประเทศ ว่า

ตนในฐานะ รับผิดชอบ กระทรวงการต่างประเทศ มาก่อน ย่อมทราบดีถึง กฎระเบียบข้อบังคับ และ การทำงาน ของ ข้าราชการ กระทรวง การต่างประเทศ เป็นอย่างดี นอกจากนี้ จากการที่ เคยทำงานข่าวกรอง มาก่อน ทำให้ทราบว่า กรณีนี้ คนที่จะเดือดร้อนที่สุด คือ ข้าราชการ กระทรวง การต่างประเทศ เพราะเป็น ผู้รับผิดชอบโดยตรง

“ผมทราบมาว่า มีความพยายาม ที่จะกดดัน กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ให้ยกเลิกพาสปอร์ต ไม่ว่า พาสปอร์ตแดง หรือ พาสปอร์ต ประชาชนชน สีเลือดหมู หรือ สีน้ำตาล ก็แล้วแต่ มีความพยายาม กดดันมาก ตั้งแต่รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ผ่านมาถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ ทราบว่า นายสมัคร ถึงกับข่มขู่ กระทรวงการต่างประเทศ ให้หุบปาก ในเรื่องนี้ อย่าพูด อย่าทำอะไร ทั้งสิ้น ถึงขั้น จะย้ายปลัดกระทรวง ทูตบางคน หรือ อธิบดี บางกรม งานข่าวกรองผมเช็กแล้ว รู้สึกสงสาร ข้าราชการ กระทรวงต่างประเทศ ตั้งแต่ ปลัดกระทรวง ลงมา เขาเป็น ข้าราชการ ที่มีประสบการณ์ ในอาชีพ ของเขา แต่ถูกกลั่นแกล้ง ทางการเมือง อย่างนี้ ผมไม่เห็นด้วย”

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูล ที่ตนทราบมานั้น ถึงขั้นที่ว่า ในกรณีที่ การเมืองเปลี่ยนแปลงไป ถ้าเขา (ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ) กลับมาอีก เขาจะลงโทษเลย ทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ เพราะฉะนั้น ด้วยความห่วงใย ผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า จึงได้ทำหนังสือ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ถึง ปลัดกระทรวง ต่างประเทศ และมอบหมายให้ เพื่อน ไปนำยื่นให้ที่ กระทรวง เนื้อหาสรุปง่ายๆ ว่า เป็นหน้าที่รับผิดชอบ โดยตรง ของ ปลัดกระทรวง การต่างประเทศ ในการที่ จะให้หนังสือเดินทาง ไม่ว่าประเภทไหน หรือยกเลิก หนังสือเดินทาง ไม่ว่าประเภทไหนกับ บุคคลที่รับไปแล้ว

ในระเบียบข้อบังคับ มันชัดเจนว่า ในการที่จะให้ หนังสือเดินทาง ประเภทใดประเภทหนึ่ง กับบุคคลหนึ่งบุคคลใด ถ้า บุคคลนั้น ต้องคดีอยู่ แม้ว่า ยังไม่ถึงที่สุด ก็จะออกหนังสือเดินทางให้ ไม่ได้ ไม่ว่าประเภทใดประเภทหนึ่ง อีกกรณีคือว่า ถ้าบุคคลผู้นั้น เป็นบุคคลต้องห้าม มีประวัติไม่ดี ทางอาชญากรรม หรือก่อการร้าย ก็จะไม่ออกให้ กรณีที่ออกให้ไปแล้ว ไม่ว่า พาสปอร์ตแดง หรือประเภทอื่น ถ้าหากคนที่ได้รับไปแล้ว ประพฤติตัวไม่ถูกต้อง ถูกศาลตัดสินจำคุก ไม่ว่าจะลงโทษแล้ว หรือยังไม่ลงโทษ แล้วหนีไป ก็เพิกถอนได้

กรณี พาสปอร์ตแดง มันเป็น หนังสือเดินทางพิเศษ ที่ออกให้ เฉพาะบุคคลบางคน เช่น รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะให้ถือไป ตลอดชีวิต

ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือ ประธานวุฒิสภา ก็ให้ถือ พาสปอร์ตแดง ได้ แค่ชั่วคราว เมื่อหมดวาระแล้ว ก็ต้องเพิกถอน โดยปริยาย

เพราะฉะนั้น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ ที่ถือ พาสปอร์ตแดง ต้องประพฤติตนให้ดี สมกับที่ รัฐบาล ให้เกียรติ


“ในกรณีที่ไปทำผิดเข้าแล้ว ถูกตัดสินจำคุก ไม่ว่าจะ กี่วัน กี่ปี หรือ วันหนึ่ง แต่คดีถึงที่สุด โดยระเบียบปฏิบัติเลย ให้ กระทรวงการต่างประเทศ เรียก พาสปอร์ต คืนทันที หรือยกเลิก โดยแจ้งไป ตามสถานทูต สถานกงสุล ต่างๆ กรณีคุณทักษิณ คดีถึงที่สุดแล้ว ไม่มีการอุทธรณ์อีก มันเข้าระเบียบ ปฏิบัติ ตรงนี้ ที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ต้องปฏิบัติตาม”

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า หนังสือที่ส่งไปถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศนั้น ได้เรียกร้องให้ต้องยกเลิกพาสปอร์ตแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทันที โดยอ้างถึงระเบียบปฏิบัติที่มีอยู่ มิฉะนั้นแล้วปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ต้องรับผิดชอบ และจะถูกฟ้องร้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 มีความผิดถึงขั้นติดคุกติดตาราง ซึ่งตนรู้ล่วงหน้าว่าจะมีคนมาฟ้องแน่ จึงได้ทำหนังสืออย่างนี้ขึ้นเพื่อช่วยเหลือ

“เมื่อปลัดกระทรวง ได้รับหนังสือของผม วันที่ 9 แล้ว วันที่ 11 ปลัด ก็โทร. จะขอนัดพบผม แต่ผม ก็ไม่ว่าง เขาก็เป็นผู้น้อย ไม่กล้าพูด ทางโทรศัพท์ แต่ผมก็บอกว่า มีอะไรให้พูด ทางโทรศัพท์มาได้เลย เขาก็เลยเล่าให้ฟังว่า ได้รับหนังสือ ของผมแล้ว และเล่าว่า ความจริง จะทำหลายครั้งแล้ว แต่ ทาง ฝ่ายการเมือง พยายามกดดันเขา อะไรต่างๆ เขา แต่ผมจะไม่พูดรายละเอียดว่า ใครกดดันเขาบ้าง รัฐมนตรีคนไหน เป็นยังไง นายกฯ คนไหน เขาทำยังไง ผมจะไม่พูด แต่ก็ได้บอก ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ท่านปลัด ต้องยกเลิกทันที ไม่เช่นนั้น คุณถูกฟ้องแน่เลย ผมสงสาร ยังไง ก็ต้องยกเลิก แต่ว่าก่อนยกเลิก โดยมารยาทนี่ คุณเป็นข้าราชการประจำ ให้ไปถาม คุณชวรัตน์ (ชาญวีรกูล) ที่รักษาการนายกฯ และ รักษาการ รัฐมนตรีต่างประเทศ ด้วยว่า เขาจะมีความเห็นยังไง คุณเอาจดหมายผม ไปให้เขาดูเลย

แล้วก็ วันที่ 11 ปลัดกระทรวง การต่างประเทศ ก็รับปาก แล้ว วันที่ 12 ก็โทร. มาหาผมอีก บอกว่า เอาหนังสือของผมไปให้ คุณชวรัตน์ ดูแล้ว คุณชวรัตน์ เห็นหนังสือผม ก็พูดไม่ออก และบอกปลัดว่า เป็นดุลยพินิจของ กระทรวงการต่างประเทศ

ก็เป็นคำตอบที่ถูก ก็ต้องน่าชมเชย คุณชวรัตน์ ไว้ด้วยว่า อย่างน้อย ก็รู้จักรักษาระเบียบการ ต่างๆ ที่ถูกต้องเอาไว้ เพราะฉะนั้น ถ้า คุณชวรัตน์ บอกว่าไม่ให้ยกเลิก ละก็ คุณชวรัตน์ โดนกฎหมายอาญา ฟ้องร้องทันที ทั้งๆ ที่ วันนี้มั้ง อาจจะหมดสภาพรักษาการ

“ทีนี้ ท่านปลัด ก็โทร. กลับมาบอกผมอีกว่า ส่งเรื่องไปให้ กรมกงสุลของ กระทรวงการต่างประเทศ ให้สั่งเพิกถอนแล้ว วันที่ 12 นี่ก็เป็น ความเป็นมา แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่อะไรหรอก บ้านเมือง ถ้าหากว่า มันมีกฎหมายอยู่ มีกฎอยู่ มีระเบียบบอยู่แล้ว ก็ไม่ทำตาม กฎระเบียบ หรือกฎหมายเหล่านั้น บ้านเมือง มันจะอยู่กันได้อย่างไร เพียงเรื่องเล็กๆ อย่างนี้ ยังเห็นแก่ตัวกัน แล้วพาสปอร์ตแดงนี่ เป็นพาสปอร์ต นักการทูต ที่มีสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ผู้ใช้ นำไปใช้ใน ต่างประเทศนี่ ในการตรวจตราต่างๆ เขาไม่ตรวจ”

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่า เป็นการกลั่นแกล้ง ทำให้เขา เป็นหมาจนตรอกนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เบื้องหลังเรื่องนี้ เป็นเพราะ ตนสงสาร เจ้าหน้าที่ แต่ไม่ทราบว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกตัวเองเป็น หมา ปกติ คนเขาไม่จนตรอก หมาเท่านั้น ที่จนตรอก แล้วบอกว่า กำลังจะไล่ให้ จนตรอกนี่ ตนไม่คิดไล่คน ให้จนตรอกเลย

ในส่วนของ พาสปอร์ตธรรมดา ที่กระทรวงการต่างประเทศ จะให้กฤษฎีกาตีความ ว่า ควรจะยกเลิก ด้วยหรือไม่นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ความจริงแล้ว ในระเบียบปฏิบัติของ กระทรวงการต่างประเทศนั้น ผู้ถือหนังสือเดินทาง ไม่ว่าประเภทไหน ถ้าถูกตัดสินจำคุก คดีถึงที่สุดแล้ว ต้องยกเลิกเลย ทุกประเภท


แต่ว่าการที่ กระทรวงการต่างประเทศ ยังให้กฤษฎีกาตีความ ก็อาจจะเป็น ความรอบคอบ เพราะว่า พลเมือง ย่อมมีสิทธิเสรีภาพ ในการเดินทาง ไปไหนมาไหน เพราะฉะนั้น ถ้ายกเลิกหนังสือเดินทาง จะขัดรัฐธรรมนูญ หรือหรือไม่


“ซึ่งถ้าเป็นผม ผมยกเลิก ทุกประเภทเลย เพราะระเบียบปฏิบัติ ให้ผมทำอย่างนี้ เป็นกฎเกณฑ์แล้วนะครับ แต่ว่า เราอย่าไปตำหนิอะไร เจ้าหน้าที่เลย เขาก็ต้องรอบคอบ ของเขา แต่ว่าในที่สุดแล้ว ไม่มีหรอกครับ ที่จะไม่ถอนพาสปอร์ต ขนาดพาสปอร์ตแดง เป็นพาสปอร์ตพิเศษ ยังถอนเลย พาสปอร์ตธรรมดา ทำไมจะถอนไม่ได้” น.ต.ประสงค์ กล่าว

ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์
16 ธันวาคม 2551 18:31 น.
http://manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9510000147973


พิมพ์ ข่าวนี้ “ประสงค์” แฉเบื้องลึกยึดพาสปอร์ต “แม้ว”-จวกยุค “หมัก-สมชาย” ขรก.โดนบีบหนัก

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

December 15, 2008

ก.ต. ยกเลิกหนังสือเดินทางทูตของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา


การยกเลิกหนังสือเดินทางทูตของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


ตามที่ได้มีผู้สื่อข่าว สอบถามข้อเท็จจริง เกี่ยวกับรายงานข่าว เรื่องกระทรวงการต่างประเทศ ยกเลิกหนังสือเดินทาง ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


กระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลว่า ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทูตของ อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว


กระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งด้วยว่า ได้พิจารณาเรื่องนี้ ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากมี ประเด็นทางกฎหมาย และมีนัยทางการเมือง ที่สำคัญ และที่ผ่านมา ได้มีการทำความเห็นเสนอต่อ รัฐบาล ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มาแล้ว 3 รัฐบาล จนกระทั่งได้มี คำพิพากษา เกี่ยวกับ อดีตนายกรัฐมนตรี และคดีได้ถึงที่สุด เนื่องจากไม่มีการอุทธรณ์


ก่อนการตัดสินใจ ยกเลิกหนังสือเดินทางทูต ดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศ ได้ปรึกษาหารือ กับรัฐบาลอีกครั้ง จนเมื่อสัปดาห์ ที่ผ่านมา (12 ธันวาคม 2551) กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้รักษาการ ตามระเบียบนี้ ได้ตัดสินใจ ยกเลิกหนังสือเดินทางทูต


กระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งหนังสือแจ้งเรื่องนี้ไปยัง ที่อยู่ของอดีตนายกรัฐมนตรี ในกรุงเทพมหานครแล้ว


สำหรับหนังสือเดินทางธรรมดา ที่อดีตนายกรัฐมนตรี ถืออยู่ อีกเล่มนั้น กระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งเรื่องให้ คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความ ในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ในการเดินทาง ตามบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อนำมา ประกอบการพิจารณาต่อไป

ปรับปรุงจาก ข่าวสารนิเทศ ของ กระทรวงการต่างประเทศ, ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ 10400
http://www.mfa.go.th/web/200.php?id=21383
15 ธันวาคม 2551 18:35:52


พิมพ์ ข่าวนี้การยกเลิกหนังสือเดินทางทูตของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี



การเมืองเปลี่ยน! กต. ยกเลิกพาสปอร์ตแดง “แม้ว”


กต. แจง ยกเลิกพาสปอร์ตแดง “ทักษิณ” แล้ว เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระบุสาเหตุ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุด พร้อมให้ กฤษฎีกาตีความกฎหมาย ยกเลิกหนังสือเดินทางธรรมดาด้วย


เมื่อเวลา 18.35 น. วันที่ 15 ธันวาคม 2551 เว็บไซต์ กระทรวงการต่างประเทศ ได้นำเสนอข่าว กรณี การยกเลิกหนังสือเดินทางทูต ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า


ตามที่ได้มีผู้สื่อข่าว สอบถามข้อเท็จจริง เกี่ยวกับรายงานข่าว เรื่องกระทรวงการต่างประเทศ ยกเลิกหนังสือเดินทาง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลว่า ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทูตของ อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว


กระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งด้วยว่า ได้พิจารณาเรื่องนี้ ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากมีประเด็นทางกฎหมาย และมีนัยทางการเมือง ที่สำคัญ และที่ผ่านมา ได้มีการทำความเห็นเสนอ ต่อรัฐบาล ผ่านรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ มาแล้ว 3 รัฐบาล จนกระทั่งได้มี คำพิพากษาเกี่ยวกับ อดีตนายกรัฐมนตรี และคดีได้ถึงที่สุด เนื่องจากไม่มีการอุทธรณ์


ก่อนการตัดสินใจ ยกเลิกหนังสือเดินทางทูตดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศ ได้ปรึกษาหารือ กับรัฐบาลอีกครั้ง จนเมื่อสัปดาห์ ที่ผ่านมา (12 ธ.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ได้ตัดสินใจ ยกเลิกหนังสือเดินทางทูต


กระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งหนังสือแจ้งเรื่องนี้ไปยังที่อยู่ของ อดีตนายกรัฐมนตรี ในกรุงเทพมหานคร แล้ว


สำหรับหนังสือเดินทางธรรมดาที่ อดีตนายกรัฐมนตรี ถืออยู่อีกเล่มนั้น กระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งเรื่องให้ คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความ ในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ในการเดินทาง ตามบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อนำมาประกอบ การพิจารณาต่อไป

ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 15 ธันวาคม 2551 20:43 น.
http://manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9510000147468


พิมพ์ ข่าวนี้ การเมืองเปลี่ยน! กต.ยกเลิกพาสปอร์ตแดง “แม้ว”



“บัวแก้ว”ยกเลิกพาสปอร์ตแดง”ทักษิณ”


(Update) บัวแก้ว ยกเลิกพาสปอร์ตแดง”ทักษิณ” เหตุถูกตัดสินที่ดินรัชดาและ ไม่มีการยื่นอุทธรณ์ หลังเสนอรัฐบาลพิจารณามาแล้วหลายครั้ง จนต้องตัดสินใจเอง


กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์แจ้งผ่านทาง http://www.mfa .go.th ว่า ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทูต (พาสปอร์ตแดง) ของอดีตนายกรัฐมนตรีแล้วโดยกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งด้วยว่า ได้พิจารณาเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากมีประเด็นทางกฎหมาย และมีนัยทางการเมืองที่สำคัญ และที่ผ่านมา ได้มีการทำความเห็นเสนอ ต่อรัฐบาลผ่าน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศมาแล้ว 3 รัฐบาล จนกระทั่งได้มีคำพิพากษาเกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี และคดีได้ถึงที่สุดเนื่องจากไม่มีการอุทธรณ์

ทั้งนี้ ได้มีการระบุอีกว่า ก่อนการตัดสินใจยกเลิกหนังสือเดินทางทูตดังกล่าว ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้ปรึกษาหารือกับรัฐบาลรักษาการอีกครั้ง จนเมื่อวันที่12 ธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้รักษาการตามระเบียบนี้ได้ตัดสินใจยกเลิกหนังสือเดินทางทูต โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือแจ้งเรื่องนี้ไปยังที่อยู่ของอดีตนายกรัฐมนตรีในกรุงเทพมหานครแล้ว

สำหรับหนังสือเดินทางธรรมดาที่อดีตนายกรัฐมนตรีถืออยู่อีกเล่มนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการเดินทางตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาต่อไป

ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว bangkokbiznews
15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 18:52:00
http://www.bangkokbiznews.com/2008/12/15/news_320404.php


พิมพ์ ข่าวนี้ “บัวแก้ว”ยกเลิกพาสปอร์ตแดง”ทักษิณ”

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

November 10, 2008

Thaksin vows on 10 Nov 08 – คำต่อคำ! ทักษิณ ประกาศศึก ผ่านรอยเตอร์


คำต่อคำ! ทักษิณประกาศศึกผ่านรอยเตอร์ ขู่ “เมื่อเขาไม่หยุด ผมคงต้องพูด”

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

October 24, 2008

“สมเกียรติ” เผย ทักษิณ เปิดเกมรุก 3 แนวรบ จน สถาบันหลัก ตกอยู่ ในอันตราย ยังเหลือ “ประชาภิวัฒน์”

Filed under: การเมืองภาคประชาชน,ข่าวการเมือง,ข่าวประชาสัมพันธ์,ข่าวสังคม,ข่าวเมืองไทย,ข้อมูลควรอ่าน - Recomendation,คดีที่ดินรัชดาฯ,ความขัดแย้ง,ความมั่นคง,ความรุนแรง,คำพิพากษา,คุณธรรม,จริยธรรม,ชุมนุมประท้วง,ตรวจสอบ,ตำรวจฆ่าประชาชน,ธรรมาภิบาล,ประวัติศาสตร์ไทย,วิกฤติ,ศาลปกครอง,ศาลรัฐธรรมนูญ,หมายจับ,หมิ่นเบื้องสูง,อาชญากรรม — accomthailand @ 08:11
Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,


“สมเกียรติ” แฉ “ระบอบแม้ว” รุกหนัก 3 แนวรบ – สั่นคลอน สถาบันหลัก

เผย ทักษิณ เปิดเกมรุก 3 แนวรบ ลดความสำคัญ ข�ง สถาบันหลัก จนตก�ยู่ ใน�ันตราย

เผย ทักษิณ เปิดเกมรุก 3 แนวรบ ลดความสำคัญ ของ สถาบันหลัก จนตกอยู่ ในอันตราย


“สมเกียรติ” เย้ย “แม้ว” หากออก เอ็นบีที ได้ “กำนันเป๊าะ – ราเกซ -ปิ่น” ที่ยัง หนีคดี คงต้องขอ ออกด้วย เผย ระบอบทักษิณ เปิดเกมรุก 3 แนวรบ ลดความสำคัญ ของสถาบันหลัก จนตกอยู่ ในอันตราย ยังเหลือ “ประชาภิวัฒน์” ช่วยพยุง


แฉ นปก. แจ้งจับ ป.ป.ช. รอบที่ 5 หวังกดดัน เพราะกำลัง ชี้ผิด 35 รมต. คดีเขาพระวิหาร ขณะ “วิชา มหาคุณ” กำลัง ไต่สวน 3 นายตำรวจ ที่เอี่ยวฆ่า ปชช. 7 ต.ค.


เมื่อเวลา 22.40 น. วันที่ 23 ต.ค. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า สถานการณ์หลัก ของประเทศไทย ในขณะนี้อ ยู่ภายใต้ การออกแบบ ให้เข้าสู่ สงครามประชาชน โดยสังคมไทย ถูกแบ่ง ออกเป็น 2 ฝ่าย ชัดเจน ซึ่งพวกเรา มาชุมนุมอยู่ 150 กว่า วัน คงไปคืนดีกับ นปก.ไม่ได้ ถ้ามีคนกลาง มาเชิญไปทำความเข้าใจกัน ก็คงไม่ยอม เราอ่านสถานการณ์ ได้แล้วว่า พลเมืองในประเทศนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน กับอีกส่วนหนึ่ง ที่เรียกว่าไทยมุง ใครชนะทางไหน ก็ไปทางนั้น


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
คลิกที่นี่ เพื่อชม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย (56 K)
คลิกที่นี่ เพื่อชม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย (256 K)
จาก manager multimedia


นายสมเกียรติกล่าวว่า สถานการณ์ ขณะนี้ �ย่าเพิ่งตื่นตระหนก เรื่�ง นปก. จะบุกนั้น วันที่ 12 ต.ค. เขาเคยประกาศ จะบุก เ�เ�สทีวี จนต้�งข�บริจาค ยางรถยนต์ ไว้ แต่พ�ถึงวัน ก็ไม่มา แล้ววันที่ 20 ต.ค. แกนนำ ที่ภาคเหนื� ก็บ�กว่าติดเกี่ยวข้าว เพราะฉะนั้น ที่ พล.ต.�. สล้าง ว่าจะพามาเป็นแสน นั้น น่าจะเป็น แค่ราคาคุย

นายสมเกียรติกล่าวว่า สถานการณ์ ขณะนี้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เรื่อง นปก. จะบุกนั้น วันที่ 12 ต.ค. เขาเคยประกาศ จะบุก เอเอสทีวี จนต้องขอบริจาค ยางรถยนต์ ไว้ แต่พอถึงวัน ก็ไม่มา แล้ววันที่ 20 ต.ค. แกนนำ ที่ภาคเหนือ ก็บอกว่าติดเกี่ยวข้าว เพราะฉะนั้น ที่ พล.ต.อ. สล้าง ว่าจะพามาเป็นแสน นั้น น่าจะเป็น แค่ราคาคุย



คลิกที่นี่ เพื่อชม
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย (56 K) หรือ
ดาวน์โหลด 17,658 KB จาก 4 shared


คลิกที่นี่ เพื่อชม
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย (256 K) หรือ
ดาวน์โหลด 74,123 KB จาก 4 shared


นายสมเกียรติ ได้กล่าวเหน็บแนม กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะออกรายการ ทาง เอ็นบีที วันที่ 1 พ.ย. นี้ว่า ถ้า พ.ต.ท. ทักษิณ ออกทีวีที่มาจาก เงินภาษีอากร ของประชาชนได้ ก็คงจะออกในฐานะ ผู้นำตัวอย่างของโลก ที่หนีคดีมา โดยมี น้องเขย ที่เป็น อดีตผู้พิพากษาศาลสูง สนับสนุนให้ ออกทีวี และต่อไป ก็จะมีคนอื่นๆ ขออกทีวีด้วย โดย คนต่อไปคือ กำนันเป๊าะ ที่หนี คดีทุจริต ไปอยู่ต่างประเทศ เช่นเดียวกัน ตามด้วย นายราเกซ สักเสนา ที่โกง ธนาคารบีบีซี จนทำให้ ประเทศไทยเสียหาย 1.4 ล้านล้านบาท แล้วหนีคดีไป และอีกคนคือ นายปิ่น จักกะพาก ผู้ต้องหา คดีปั่นหุ้น ที่หนีคดี ไปเช่นกัน

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า วันที่ 1 พ.ย. นี้ ถ้า พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ออกอากาศสดๆ ก็คงจะเหมือนคราวที่แล้ว ที่ออกจอโปรเจกเตอร์ ที่สนามหลวง ซึ่งได้โจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ในวันที่ 1 พ.ย. นี้ เขาจะอัดแนวรบ ที่รุกเขาหนัก คือ ศาล และขณะนี้ เขากำลังทำสงคราม กับแนวรบ 3 แนว ที่เป็น สถาบันสำคัญ ของชาติ ให้หมดความสำคัญลง


แนวรบ ที่ 1 คือ สถาบันสูงสุด ที่อยู่กับสังคมไทย มา 800 ปี ที่เราเห็นมาตั้งแต่เกิด และเรากราบไหว้ได้ แต่ทักษิณเราเพิ่งเห็น มา 5 ปี มีแต่คดโกง เทียบกันไมได้ แต่ขณะนี้ หนังสือพิมพ์หลายฉบับ พูดเลยว่า กระบวนการจาบจ้วง ไม่ได้อยู่ใต้ดินอีกแล้ว แต่ทำเปิดเผยเลย นายสุชาติ นาคบางไทร กล้าขึ้นพูด บนเวทีสนามหลวง และยังเอาไป โพสต์ในเว็บไซต์ประชาไท ซึ่งขณะนี้ เราเก็บข้อมูลไว้แล้ว และ กำลังจะฟ้อง เว็บไซต์ประชาไท ด้วย


“ตอนนี้ นายกเพิ่งตื่น บอกว่ามีเว็บ ที่ต้องจัดการอีกมาก และ วันที่ 29 ต.ค. นี้ จะเริ่มปิดจริงจัง หลังจากปิด 500-600 เว็บ แต่ตอนนี้ มีเกลื่อน จนนับไม่ได้ อยากจะเรียน นายสมชาย ว่า วิธีที่จะ ปราบเว็บพวกนี้ ไม่ยาก เพราะญาติของคุณ นั่นแหละทำ”


นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ก็มีสตรีผู้หนึ่งที่มีฐานะทางสังคม ได้ด่าด้วยคำหยาบคายอย่างมาก เรามีหลักฐานว่า เขาได้ด่าใครไว้ และเป็นเรื่องใหญ่มาก ตอนนี้เขาสู้กันแบบเปิดเผยแล้ว เพราะฉะนั้นที่เรามาทำหน้าที่นี้ถือว่าถูกต้อง เพราะแนวรบนี้ตกอยู่ในภาวะอันตรายยิ่ง

สำหรับ แนวรบที่ 2 คือ ตุลาการ ถูกแทรกแซง ตอนคดีซุกหุ้น ซึ่งเขาซื้อได้ 4 เสียง ทำให้ชนะ ตอน ยุบพรรคไทยรักไทย ก็พยายาม ซื้อ แต่ ผู้พิพากษา ไม่รับ คนที่ทำ ก็ถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้ว คนๆ นั้นมียศ พ.ต.ท. จบนิติ ธรรมศาสตร์ 09 รุ่นเดียวกับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ครั้งที่ 3 ก็พยายาม ให้ขนม ศาล 2 ล้าน แต่ศาลเอามาคืน พอซื้อศาลไม่ได้ ก็ไปจ้าง สื่อต่างประเทศ ให้โจมตี ศาลไทย จะเอามาอ่านพรุ่งนี้ว่า ทักษิณ โจมตีศาลไทย อย่างรุนแรง อย่างไรบ้าง


“ศาลตกอยู่ใน อันตราย ถามว่ามติ 5 ต่อ 4 (คดีที่ดินรัชดา) ปลอดภัยไหม ขนาดจำเลย หนีศาล 5 ต่อ 4 ปลอดภัย ไหม เรามีความรู้สึกต่อ ศาล แต่ขอเก็บเอาไว้ ในส่วนลึก เอามาพูดไม่ได้ ตอนนี้เรามีชื่อ ตุลาการศาลแล้ว ว่าใคร 5 ใคร 4 แต่ขอเก็บไว้ลึกสุดๆ” นายสมเกียรติ กล่าว


นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้แล้วยังมี หนังสือ ตุลาการวิบัติ ที่เผยแพร่ในอเมริกา จึงถือว่า แนวรบศาล สั่นสะเทือนมาก แต่ในความรู้สึก ส่วนตัว ศาลยังแข็งแกร่งมาก ขอเอ่ยนาม ศาลปกครองสูงสุด กับ ศาลรัฐ ธรรมนูญ 2 ศาลนี้ เป็นแนวรบสุดท้าย เป็นที่พึ่ง ทางกระบวนการยุติธรรม ที่พึ่งของ คนตกทุกข์ได้ยาก พอเราไปฟ้อง ศาลปกครองนั้น ได้สั่งคุ้มครอง การห้ามใช้แถลงการณ์ เรื่องเขาพระวิหาร ห้ามตำรวจใช้ ความรุนแรง สลายการชุมนุม ส่วน ศาลรัฐธรรมนูญ ก็มี มติ 9 ต่อ 0 ให้แถลงการณ์ร่วม ไทย-กัมพูชา ขัดมาตรา 190 มีมติ 8 ต่อ 1 ต้องรายงาน รัฐสภา


นายพิภพ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ รัฐบาลกำลังเร่งเขียน รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยตั้ง ส.ส.ร. 3 ขึ้นมา ซึ่งทีแรก จะใช้เวลา 240 วัน แล้ว ลดลงมาเหลือ 120 วัน ล่าสุด มีข่าวว่า จะใช้แค่ 30 วัน เท่านั้น ในการเร่งเขียนให้เสร็จ


“ดังนั้นในกระบวนการศาล จึงเป็นการต่อสู้กันอย่างสุดๆ ในระหว่างผู้พิพากษาที่มี 2,500 คน ถ้าพูดกันอย่างเคารพสุดๆ คือ กระบวนการที่แบ่งเป็น 2 ส่วน เหมือนเรา มันมีในทุกวงการ ไม่มียกเว้น” และว่า ตอนนี้สังคมไทยมีการระแวงกันสุดๆ ถ้าพวกเราเห็นเสื้อแดงในมุมมืดก็วิ่งหนีกันแล้ว สังคมไทยตอนนี้มันยากจะหันหากันแล้ว นอกจากสังคม 2 ส่วนต้องเอาธรรมะ ความจริง ความถูกต้องนำหน้า


สำหรับ แนวรบที่ 3 คือ กองทัพ ซึ่งขณะนี้ ภาษาทั่วไป เขาบอกว่า ถูกฉีดยาชา ไม่มีความรู้สึก เป็นไม้ตายด้าน ตอนเขาฆ่ากัน วันที่ 7 ตุลาฯ ก็มอง ไม่เห็น พอนายกฯ ออกคำสั่งฆ่าเสร็จ เรียกไปแถลงข่าว ก็ไปด้วย พอวันที่ 16 ตุลาฯ ก็บอกว่า ถ้าเห็นตอนนั้น และย้อนเวลาได้ จะไม่ให้เกิด เป็น รายการ ปาหี่


“เมื่อ สถาบันกองทัพ ถูกทำให้เย็นชา สถาบันสูงสุด ถูกจาบจ้วง อย่างเอิกเกริก ศาล ก็ถูกแทรกแซง และ พยายามครอบงำ จึงเหลือ สถาบัน เดียว คือ ประชาภิวัฒน์” นายสมเกียรติ กล่าว


นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า วันนี้ นปก. 32 คน ได้ไปแจ้ง กองปราบให้ดำเนินคดี กับ ป.ป.ช. 9 คน เป็นครั้งที่ 5 ในข้อหา ไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ ไม่มีสิทธิ รับเงินเดือน เพราะเป็น ป.ป.ช. เถื่อน และ ให้หยุดการไต่สวนคดีใดๆ ก็ตาม ห้าม ป.ป.ช.ทำหน้าที่ ซึ่งเหตุ ที่มาแจ้งความตอนนี้ เพราะ ป.ป.ช. ได้รับฟัง พยานแวดล้อม หมดแล้ว เรื่องที่ ครม. มีมติ รับรองแถลงการณ์ เรื่องเขาพระวิหาร และจะ ชี้มูลความผิด อดีตรัฐมนตรี 35 คนเร็วๆ นี้


นอกจากนี้ นายวิชา มหาคุณ 1 ใน 9 ป.ป.ช. ยังเป็น ประธานอนุกรรมการ ไต่สวนคน 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับ การฆ่าประชาชน ในวันที่ 7 ตุลาฯ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการ ตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ในข้อหา ปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ จากการสลาย การชุมนุมพันธมิตรฯ 7 ต.ค. โดยใช้ ความรุนแรง เกินกว่าเหตุ ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ป.ป.ช. มีอำนาจไต่สวน ข้าราชการ ที่ทำผิด ม.157 ได้


“ถ้าดูเป็นวงจร ก็จะเห็นว่า เมื่อ ป.ป.ช.จะไต่สวน ผบ.ตร. นปก. ก็ไปแจ้งความ กองปราบปราม เพื่อให้ กองปราบ เสนอ พัชรวาท แล้ว พัชรวาท ก็สั่งจัดการ ป.ป.ช. แต่ระวัง จะเจอ มือตบพันธมิตร” นายสมเกียรติ กล่าว


ในตอนท้าย นายสมเกียรติกล่าวว่า สถานการณ์ ขณะนี้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เรื่อง นปก. จะบุกนั้น วันที่ 12 ต.ค. เขาเคยประกาศ จะบุก เอเอสทีวี จนต้องขอบริจาค ยางรถยนต์ ไว้ แต่พอถึงวัน ก็ไม่มา แล้ววันที่ 20 ต.ค. แกนนำ ที่ภาคเหนือ ก็บอกว่าติดเกี่ยวข้าว เพราะฉะนั้น ที่ พล.ต.อ. สล้าง ว่าจะพามาเป็นแสน นั้น น่าจะเป็น แค่ราคาคุย เพราะเคยบอก จะยึดทำเนียบ มาแล้ว พอถึงวัน ก็ออกมาแถลงข่าว ปาดน้ำหู น้ำตา อ้างว่าทำไมได้ เพราะเกรงใจ พล.อ. เปรม


คราวนี้ที่ว่าจะมา วันที่ 25 ตุลาฯ 27 ตุลาฯ หรือ 1 พ.ย. คงต้องเอา กล้องส่องทางไกล ที่ส่องได้ 800 กม. เพื่อส่องดูที่ เชียงใหม่ เชียงราย และ อีกมีกี่วัน พล.ต.อ. สล้าง ก็จะมาแถลงว่า เกรงใจใคร และ อยากบอกถึง นายคนนี้ว่า ไม่ต้องมาให้เสียเวลา เพราะที่นี่คือ กองทัพประชาชนกู้ชาติ เป็น กองทัพของ พระราชา พระราชินี พล.ต.อ. สล้าง หลอกพันธมิตรฯ ไม่ได้หรอก นอกจากหลอก พระ บางสำนัก ได้เท่านั้น

ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ผู้จัดการออนไลน์ 24 ตุลาคม 2551 08:11 น.
http://manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9510000126159


พิมพ์ ข่าวนี้ “สมเกียรติ” แฉ “ระบอบแม้ว” รุกหนัก 3 แนวรบ – สั่นคลอน สถาบันหลัก


ข้อแถลง “ประสาทพระวิหาร” จากคณะวิจัย สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คลิกอ่าน ข้อมูล ข่าวและบทความเกี่ยวกับกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร


ปราสาทตาควาย แม้ถูกทิ้งร้างมาหลายศตวรรษ แต่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์จนน่าประหลาดใจ

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

October 19, 2008

“พิภพ” จี้ “เขยแม้ว” รับผิดชอบเหตุ “7 ตุลาเลือด” ผู้บาดเจ็บ แผลเรื้อรัง จากอาวุธร้ายแรง

Filed under: กัมพูชา,การเมืองภาคประชาชน,ข่าวการเมือง,ข่าวฉาว,ข่าวประชาสัมพันธ์,ข่าวสังคม,ข่าวเมืองไทย,ข่าวเศรษฐกิจ,ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา,ข้อมูลควรอ่าน - Recomendation,คดีที่ดินรัชดาฯ,ความขัดแย้ง,ความมั่นคง,ความรุนแรง,คุณภาพชีวิต,ชุมนุมประท้วง,ตรวจสอบ,ตำรวจฆ่าประชาชน,ประวัติศาสตร์ไทย,ปราสาท ตาควาย,ปราสาท ตาเมือนธม,ปราสาทพระวิหาร,รัฐสั่งฆ่าประชาชน,วัฒนธรรมขอมโบราณ,วิกฤติ,ศาลสถิตยุติธรรม,อาชญากรรม — accomthailand @ 03:51
Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,


“พิภพ” จี้ “เขยแม้ว” หยุดหาแพะ-
รีบลาออก ชดเชยหนี้เลือด

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่�ประชาธิปไตย

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


“เขยแม้ว” ต้องรับผิดชอบเหตุ “7 ตุลาเลือด” ด้วยการลาออก สถานเดียว หยุดปัดความรับผิดชอบให้ รองนายกฯ ระบุผ่านกลิ่น แก๊ส-ควันปืน เข้าสภา เป็นไปไม่ได้ ที่จะไม่ได้รับรายงาน ยันฟ้องแน่ ทั้งแพ่ง-อาญา ไม่ว่าผลการสอบสวนของ คณะกรรมการ ที่นายกฯ ตั้งเอง จะออกมาอย่างไร เผยยังต้องดูแล ผู้บาดเจ็บ อีกหลายเดือน เหตุแผลเรื้อรัง จากอาวุธร้ายแรง


เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 18 ต.ค. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ ทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าว ถึง การช่วยเหลือ ผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์ ตำรวจใช้ความรุนแรงสลาย การชุมนุมของ พันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า จากที่คุยกับ หมอที่รักษา ผู้บาดเจ็บ ทราบว่า คงต้องดูแลผู้บาดเจ็บ ต่ออีกหลายเดือน


เนื่องจาก ลักษณะบาดแผล ที่เรื้อรัง ซึ่งตอนนี้ยังไม่อยากสรุปว่า บาดแผลทั้งหมด เกิดจากแก๊สน้ำน้ำตา หรือไม่ เพราะคนที่โดนแก๊สน้ำตา จริงๆ แผลจะเป็นจุดๆ ส่วนคนที่ ขาขาด มือขาด นั้น น่าจะเป็นอาวุธอย่างอื่น หรือไม่ นี่แสดงให้เห็นถึง การใช้อาวุธที่ร้ายแรง ในการสลายการชุมนุม


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
คลิกที่นี่ เพื่อชม นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย (56 K)
คลิกที่นี่ เพื่อชม นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย (256 K)


นายพิภพ เปิดเผยอีกว่า มีผู้บาดเจ็บจาก การถูก นปก.ทำร้าย ตั้งแต่ พันธมิตรฯ เริ่มชุมนุม ในวันที่ 25 พ.ค. 51 มาจนถึงการเข้าสลาย การชุมนุม โดยตำรวจ หลายครั้ง มาขอให้ช่วยดูแลด้วย ซึ่งแกนนำได้หารือกันแล้ว มีมติว่า จะดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.51 เป็นต้นมา โดยใช้ กองทุนผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ดังนั้น ผู้บาดเจ็บแม้จะ รักษาหายไปแล้ว ให้มาลงบัญชีว่า เสียค่าใช้จ่ายในการรักษา ไปเท่าไหร่ เราจะ ดูแลให้


นายพิภพกล่าวต่อว่า เหตุการณ์ใช้ความรุนแรง สลายการชุมนุม ในวันที่ 7 ต.ค. นั้น ถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จะบอกว่า ตัวเอง ไม่ได้สั่งการ แต่เป็นการสั่งไป ตามหน่วยงานนั้น ขอบอกว่า เมื่อมีการยิง ตั้งแต่เวลา 6.15 น. และ นายกฯ เข้าสภาเวลา 9.00 น. เป็นไปไม่ได้ ที่ นายกฯ จะไม่ได้รับรายงาน เพราะเมื่อผ่าน จะต้องเห็นเหตุการณ์ หรือได้กลิ่นแก๊สน้ำตา กลิ่นควันปืน จุดเกิดเหตุ ก็อยู่ใกล้ๆ เป็นไปไม่ได้ที่ เจ้าหน้าที่ จะ รายงานช้า ปัญหาก็คือ เมื่อนายกฯ ได้รับรายงานแล้ว ได้สั่งการ ให้หยุดหรือไม่ เมื่อไม่มีการสั่งการให้หยุด นายสมชาย จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะ รับผิดชอบ


“อย่าปฏิเสธ อย่าหาแพะ ว่าเป็นรองนายกฯ คนนั้น รองนายกฯ คนนี้ เป็นคนสั่ง ท่านต้องรับผิดชอบ ทางการเมือง คือต้องลาออก สถานเดียว นายกฯ จะหลีกเลี่ยง ความรับผิดชอบ ต่อการตายของประชาชน ไม่ได้ ส่วนทาง กฎหมายนั้น เราจะฟ้องท่าน ไม่ว่า ผลสอบสวนของ กรรมการ ที่ท่านตั้งขึ้นมา จะบอกว่าท่านผิดหรือถูก แต่เราจะฟ้อง ท่านแน่ ทั้ง ทางแพ่ง และ อาญา ตั้งแต่ นายกฯ ลงมา”


“กรุณาอ่านเหมือนกรณี ยุบพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 เพราะการอ่านคำพิพากษา ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจทุกช่อง ถือเป็นการให้การศึกษา แก่ประชาชนอย่างดียิ่ง” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวพร้อมขอเสียง สนับสนุนจากผู้ชุมนุม ซึ่งก็ได้รับ เสียงตอบรับอย่าง หนาแน่น


นายพิภพ กล่าวถึงการช่วยเหลือ ผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต เพิ่มเติมว่า ล่าสุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ได้แจ้งมาว่า พร้อมที่จะให้ ทุนการศึกษา โดยไม่จำกัดจำนวน


ส่วนการรับบริจาค เพื่อช่วย ผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตนั้น ขอหยุดไว้ก่อน เนื่องจาก มียอดรับบริจาค ถึง 26 ล้านกว่าบาท แล้ว และจ่ายให้ ผู้บาดเจ็บ แล้ว 2 ล้าน 7 หมื่นกว่าบาท และ มีเงินเข้าบัญชี วันนี้ อีก 1 ล้าน 8 หมื่นบาท


อย่างไรก็ตาม สำหรับ การรับบริจาค เพื่อสนับสนุน เอเอสทีวี และเป้นค่าใช้จ่าย ในการชุมนุมของ พันธมิตรฯ ยังเปิดรับไม่หยุด เพราะต้องมี ค่าใช้จ่าย ทุกวัน


นายพิภพ กล่าวต่อว่า ผลจากการสลาย การชุมนุม เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ทำให้พันธมิตรฯ ยังมีเรื่อง ที่ต้องทำต่อ ทั้งการดูแลผู้บาดเจ็บ และเรื่องคดี ที่ฝ่ายเราฟ้องรัฐบาล และ รัฐบาลที่ฟ้องแกนนำ ซึ่งจากประสบการณ์ของ นายบรรจง นะแส ที่เคยฟ้องคดี ตำรวจสลายการชุมนุม ที่สงขลา ต้องใช้เวลา ถึง 4 ปี จึงมีคำพิพากษา ออกมาว่า รัฐบาลผิด ต้องจ่ายเงินชดเชย ให้ผู้ชุมนุม คนละ 1 หมื่นบาท ดังนั้นถ้าจำเป็น ต้องมีการระดมทุน สู้คดี ก็อาจจะขอบริจาคอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กองทุนสู้คดี มีอยู่แล้วประมาณ 2 ล้าน จึงยังไม่ขอบริจาคเพิ่ม ในขณะนี้


นายพิภพ ได้กล่าวถึง การประชุม เรื่องการเมืองใหม่ ในช่วงบ่ายวันที่ 18 ต.ค.ว่า ในส่วน ของการศึกษา นั้น ตนได้เสนอให้มี การจัด การศึกษา ทางโทรทัศน์ ด้วย ซึ่งในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง การสอนให้ทำ โจทย์คณิตศาสตร์ ทางโทรทัศน์ แต่เป็นการ ทำให้โทรทัศน์ เป็น ทีวีสาธารณะ ของ ประชาชน ที่ไม่เสนอ ข้อมูลด้านเดียว และสร้าง องค์ความรู้ ที่รอบทุกด้าน ไม่ใช่มีแต่ ข่าวอย่างเดียว เนื่องจากคนไทย อยู่กับทีวี มากกว่าอย่างอื่น แม้แต่ ละครก็ปรับปรุง ให้สะท้อนชีวิตจริง ให้เป็นบทเรียน ในการดำรงชีวิต ที่ดี ไม่ใช่มีแต่ ละครน้ำเน่า


ส่วนการศึกษาในระบบ ต้องส่งเสริมศักยภาพ ของเด็กอย่างเต็มที่ ตามความถนัด และพรสวรรค์ ของแต่ละคน นอกจากนั้น การเลี้ยงดู ก็ต้อง สอดคล้อง กับการจัดการศึกษาด้วย เพราะถ้าเลี้ยงดูผิด ก็มีผล ต่อการจัดการศึกษา ที่ผิดด้วย ดังนั้น การจัดการศึกษา ต้องเชื่อมโยง กับการเลี้ยงดู ด้วย

ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ผู้จัดการออนไลน์ 19 ตุลาคม 2551 03:51 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000123985


พิมพ์ ข่าวนี้ “พิภพ” จี้ “เขยแม้ว” หยุดหาแพะ – รีบลาออก ชดเชยหนี้เลือด


ข้อแถลง “ประสาทพระวิหาร” จากคณะวิจัย สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คลิกอ่าน ข้อมูล ข่าวและบทความเกี่ยวกับกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร


ปราสาทตาควาย แม้ถูกทิ้งร้างมาหลายศตวรรษ แต่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์จนน่าประหลาดใจ

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

“สมศักดิ์” ดีเดย์ จันทร์นี้ 10 โมง ดาวกระจาย แจกซีดี หน้าเซ็นทรัลเวิลด์

Filed under: กัมพูชา,การเมืองภาคประชาชน,ข่าวการเมือง,ข่าวฉาว,ข่าวประชาสัมพันธ์,ข่าวลือ,ข่าวสังคม,ข่าวเมืองไทย,ข่าวเศรษฐกิจ,ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา,ข้อมูลควรอ่าน - Recomendation,คดีที่ดินรัชดาฯ,ความขัดแย้ง,ความมั่นคง,ความรุนแรง,คุณภาพชีวิต,ชุมนุมประท้วง,ตรวจสอบ,ตำรวจฆ่าประชาชน,ประวัติศาสตร์ไทย,ปราสาท ตาควาย,ปราสาท ตาเมือนธม,ปราสาทพระวิหาร,รัฐสั่งฆ่าประชาชน,วิกฤติ,ศาลสถิตยุติธรรม,อาชญากรรม — accomthailand @ 00:50
Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,


“สมศักดิ์” นัด 10 โมง วันจันทร์ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์
แพร่ซีดี ประจาน ตร.โหด

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่�ประชาธิปไตย

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


“สมศักดิ์” ดีเดย์ จันทร์นี้ 10 โมง ดาวกระจาย แจกซีดี หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ หวังปลุกกระแสประชาชน เผด็จศึกรัฐบาล ด้วยการตีแผ่ความจริง พร้อมแฉ “สมชาย” ทาส “แม้ว” เดินเกม ปลุกกระแสช่วย พี่เขย และ รักษาอำนาจ ของตนเอง


ระบุการเมืองใหม่ จะเกิดขึ้นได้ ต้องกำจัดการเมืองเก่า ให้สิ้นซากก่อน โดยเมื่อมี การเมืองใหม่ เกิดขึ้นแล้ว เกษตรกร จะต้องมีรายได้อย่างเท่าเทียม และ การศึกษา จะต้องฟรี ในทุกระดับชั้น


เผย ดาวกระจาย การบินไทย สัปดาห์หน้า ปกป้อง “กัปตันจักรี” ที่อาจถูกถอด ใบอนุญาตบิน แย้มรายละเอียด การศึกษา-รัฐวิสาหกิจ ในการเมืองใหม่ ร้องศาล อนุญาติ ถ่ายทอดโทรทัศน์ การพิพากษา คดีที่ดินรัชดา


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ปราศรัย
คลิกที่นี่ เพื่อชม นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ปราศรัย (56 K)
คลิกที่นี่ เพื่อชม นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ปราศรัย (256 K)


วานนี้ (18 ต.ค.51) เวลา 22.30 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัย บนเวที ในทำเนียบรัฐบาล ว่า การแจกซีดี และ หนังสือที่เกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์ วันที่ 7 ตุลาคม นั้นได้รับการตอบรับ จากประชาชน เป็นอย่างมาก โดยได้มีการประชุมกันว่า จะ ให้มี กิจกรรมนี้อีกใน วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม นี้


“มีการตอบรับ ดีมาก และ เราจะนัดรวมตัวกัน ที่หน้า เซ็นทรัลเวิลด์ อีกในวันจันทร์นี้ เวลา 10 โมง เพื่อไปแจกซีดี ที่ถนนวิทยุ เพื่อให้ประชาชน รู้ความจริง ที่เกิดขึ้น เพื่อเขาจะได้มา ร่วมต่อสู้เผด็จศึก รัฐบาล ให้เร็วที่สุด” นายสมศักดิ์ กล่าว


ทั้งนี้ ต้องอย่าลืมว่า เราต้องอยู่ป้องกัน การโจมตีของรัฐบาล ที่ทำเนียบ และ สะพานมัฆวานด้วย โดยเวลาของรัฐบาล มีไม่มากแล้ว แต่เขาต้อง สร้างเรื่อง ให้เขาอยู่ต่อ ซึ่งเรามีหน้าที่ ชี้แจงให้ประชาชนทราบ และ ลุกขึ้นมาต่อสู้กับเรา ให้มากขึ้น


นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนนี้ ต้องบอกกับ พี่น้องชาวใต้ ให้อย่าสับสน และให้ขึ้นรถไฟ มากรุงเทพ ในวันที่ 20 โดยไม่ต้องไปฟังใคร และ ให้มา โดยด่วน ที่สุด เพราะว่าตอนนี้ งานเข้าเยอะมาก


โดยการต่อต้านทุนสามานย์ ได้มี การกระจายไปทั่วโลกแล้ว ซึ่งวันนี้ที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ไปขึ้นสนามบินหาดใหญ่ ก็ถูกไล่ นอกจากนี้ นายประดิษฐ์ เองยังต้องหนีเข้าไป ในบ้านของ ส.ส. ประชาธิปัตย์ เลย ซึ่งที่ว่า นั้นกระจายไป ทั่วโลก เพราะขนาด ทักษิณ ที่ลอนดอน ยังโดน


ซึ่งรถราคาแพง ของทักษิณ ยังถูกเกลียด และโดนทำลาย ซึ่งขณะนี้ คนอังกฤษ ก็เกลียดทักษิณ อยู่ไม่น้อย เหมือนกัน เพราะคนโกง เห็นแก่ตัว ประเทศไหน ก็ไม่ให้การตอนรับ


นายสมศํกดิ์ กล่าวอีกว่า ที่วันนี้ไม่ค่อยได้พูดถึง การเมืองใหม่ เพราะย้ำตลอดว่า การเมืองใหม่ จะเกิดขึ้นได้ ต้องขับไล่ รัฐบาลเน่า ในการเมืองเก่า ออกไปก่อน ไม่เช่นนั้น จะเกิดไม่ได้ ตอนนี้โอกาสของรัฐบาล แม้จะดื้อด้านอย่างไร โดยการปฏิบัติหน้าที่ ของ สมชาย ในการยืนหยัดต่อสู้ เพื่อ ทักษิณ อย่างเหนียวแน่น และไม่สนใจอะไร ทั้งสิ้น ขนาด 4 เหล่าทัพ มาพูดว่า ก็ยังไม่สนใจ


ทั้งนี้ เมื่อช่วงกลางวัน ที่ผ่านมา มีการประชุม เกี่ยวกับการเมืองใหม่ จึงอยากเอามาบอกกับพี่น้อง เพราะการเมืองเก่า เหลือเวลา อีกไม่กี่ชั่วโมง แล้ว และ การยืดเวลา ของนายสมชาย ในการตั้ง คณะกรรมการสอบนั้น ใครก็รู้ดีว่า คนผิดเป็นใคร แล้วจะมาสอบกันอีก ทำไม


แต่ในกรณีที่ เล่นงาน กัปตันจักรี ทำไมไม่ให้มี การตั้ง กรรมการตรวจสอบ ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน เมื่อความผิด นายสมชาย นั้น ทำไมไม่ตัดสินบ้าง


“ตอนนี้ นายสมชาย พยายามสร้าง สถานการณ์ปั่นป่วน เพื่อกลบข่าว การตัดสินคดีความของ ทักษิณ แต่เขาก็ยังทำไม่สำเร็จ ตอนนี้มันคิดชั่ว ปลุกระดมคน เพื่อมาให้ตีกัน เขาบอกว่า ประเทศไทยจะเป็นเหมือน เกาหลีเหนือ กับใต้ นั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับ นโยบายสมานฉันท์ ที่จะทำ นี่เป็นการแสดง ให้เห็นว่าเขาต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้อยู่ในอำนาจ ต่อไป” นายสมศักดิ์กล่าว


นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกด้านเหนึ่ง ขณะนี้รัฐบาล ต้องการจะรุกคืบ เพื่อเอาทำเนียบคืน ในวันที่ 21 นี้ ซึ่ง พี่น้อง จะต้องสับเปลี่ยน กันมา ทำหน้าที่ อย่างเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้เขาทำได้ เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ จาการเมืองเก่าว่า ชั่วร้ายอย่างไร มันทำลายทุกอย่าง ทั้งสถาบัน และ ประชาชน โดยเราจะให้ เป็นอีกต่อไปไม่ได้


นอกจากนี้ การเมืองเก่า ยังทำลายเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลทรราช เป็นผู้สร้างมาทั้งนั้น จากการประกาศภาวะฉุกเฉิน และ การทำร้ายประชาชน ในวันที่ 7 ก็เช่นกัน ซึ่งต่างชาติ เขาให้ค่า ความเผด็จการของ รัฐบาลชุดนี้ เท่ากับ พม่า ไปแล้ว


นายสมศักดิ์ กล่าวถึงการเมืองใหม่ อีกว่า ปัญหาใน การกระจายรายได้ อย่างไม่เป็นธรรม นั้น และ ความแตกต่าง ระหว่างเมือง กับชนบทนั้น เป็นสิ่งสำคัญ โดยประชาธิปไตย จะต้องมีปัจจัยสี่ ในเบื้องต้นด้วย โดยการประชุมกันนั้น หนี้สินของเกษตรกร ที่เกิดจากคำแนะนำของรัฐ นั้น จะต้องมีการยกเลิก แบบไม่มีเงื่อนไข หลังจากการเมืองใหม่เกิดขึ้น


นอกจากนั้นการเมืองใหม่ จะต้องส่งเสริมให้มีการร่วมตัวกัน เป็นสหกรณ์ หรือสหภาพ เพื่อให้มี การตรวจสอบ การเมือง ได้ และจะได้รวมตัวกัน ได้ง่ายขึ้น เมื่อพบว่า มีคนทุจริต และต้องเปลี่ยน ความคิดใหม่ว่า ประชาชนคือเจ้าของประเทศ ไม่ไช่ นักการเมือง และข้าราชการ โดยจะต้อง ไม่คิดเหมือน ทักษิณ ว่า ผู้บริหาร เป็นซีอีโอ เป็นเจ้านาย แล้วประชาชน เป็นลูกจ้าง


นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเมืองใหม่ จะต้องมีการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้ว เน้นผลิต สายวิชาชีพ มากที่สุด เพื่อให้จบมาแล้ว มีงานทำ ซึ่งไม่ใช่เหมือน ในปัจจุบัน อันนี้ไม่ถูกต้อง อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการศึกษา ที่แพงเกินไป ถึงแม้จะทำงาน เป็น 20 ปี ก็ไม่หลุดพ้น ต้นทุน การศึกษา ที่มี โดยการศึกษาต่อไป ทุกคนต้องเรียนฟรี ตลอด


“การศึกษา ต้องเน้น การปฏิบัติ และ เรียนภาคทฤษฎี แค่ 30% ก็น่าจะเพียงพอ และ การศึกษาแนวใหม่ ต้องให้ชุมชน มีส่วนร่วม และต้องควบคู่ กับคุณธรรม”


ส่วนเกษตรกร จะต้องมีการร่วมกลุ่ม และแปรรูป นอกจากนี้ เกษตรกรจะต้อง ไม่เข้ามาทำงาน ในกรุงเทพฯ ซึ่งเราต้องแก้ปัญหา เหล่านี้ให้ได้ ส่วน รัฐวิสาหกิจ นั้น ต้องกำจัด การแปรรูป เพื่อไม่ให้เงิน ของรัฐ และ ประโยชน์ของ ประชาชน หายไป ซึ่งการเมืองใหม่ จะต้องยึด ปตท. กลับมาเป็น ของประชาชน


เพื่อไม่ให้มี การเอาเปรียบกัน เกิดขึ้น ซึ่งจะต้องมี กระทรวงรัฐวิสาหกิจ เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชน และประเทศชาติ ได้ประโยชน์ เพื่อเริ่มต้น เศรษฐกิจพอเพียง โดยแน่นอนว่า การเมืองใหม่ ถ้ามีการโกง คดีความที่เกิดขึ้น กับนักการเมือง จะไม่มีอายุความ และ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับ การเมือง ทั้งชีวิต ถ้ามีความผิด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแรก ที่จะต้องมีการเมืองใหม่ ซึ่งเราจะต้องทำ ให้เกิดขึ้น ในอนาคต


“ในสังคมใด หนึ่งจะต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยว อย่าบ้าบอไปกับชาติอื่น เราต้องสำนึกถึงบุญคุณ ของบรรพชน ในแบบของเรา และการเมืองใหม่ ต้องเดินหน้าทันที และเราต้องกล้าสู้ เพื่อให้ศัตรูหน้าไหน มาทำร้ายเราไม่ได้ และเราต้องอย่าท้อ” นายสมศักดิ์ กล่าว

ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ผู้จัดการออนไลน์ 19 ตุลาคม 2551 00:50 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000123975


พิมพ์ ข่าวนี้ “สมศักดิ์” นัด 10 โมง วันจันทร์ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ แพร่ซีดี ประจาน ตร.โหด


ข้อแถลง “ประสาทพระวิหาร” จากคณะวิจัย สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คลิกอ่าน ข้อมูล ข่าวและบทความเกี่ยวกับกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร


ปราสาทตาควาย แม้ถูกทิ้งร้างมาหลายศตวรรษ แต่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์จนน่าประหลาดใจ

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

October 18, 2008

“สมเกียรติ” ฟันธง เหลือ ศาล และ พันธมิตรฯ เท่านั้น ที่ต้าน “ระบอบทักษิณ” อยู่

Filed under: กัมพูชา,การเมืองภาคประชาชน,ข่าวการเมือง,ข่าวฉาว,ข่าวประชาสัมพันธ์,ข่าวลือ,ข่าวสังคม,ข่าวเมืองไทย,ข่าวเศรษฐกิจ,ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา,ข้อมูลควรอ่าน - Recomendation,คดีที่ดินรัชดาฯ,ความขัดแย้ง,ความมั่นคง,ความรุนแรง,ชุมนุมประท้วง,ตรวจสอบ,ประวัติศาสตร์ไทย,ปราสาท ตาควาย,ปราสาท ตาเมือนธม,ปราสาทพระวิหาร,พลังงาน,วิกฤติ,ศาลสถิตยุติธรรม,สหประชาชาติ,อารยะขัดขืน — accomthailand @ 19:39
Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,


“สมเกียรติ” ฟันธง เมื่อทหารไม่ขยับ
ชาติเหลือแค่ “ตุลาการภิวัฒน์-ประชาภิวัฒน์” ค้ำจุน

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ


ผู้จัดการออนไลน์ – “สมเกียรติ” วิเคราะห์ “ระบอบทักษิณ” ป่วน และ ยึดครองแนวรบ ด้านชนบท- สภา – อำนาจรัฐ แล้วเบ็ดเสร็จ ชี้กองทัพก็ที่มัว มะงุมมะงาหรา ก็กำลังจะถูกครอบ ชาติ จึงเหลือ แนวรบด้าน ศาล และ พันธมิตรฯ เท่านั้น ที่ต้านอยู่


เผย ดาวกระจาย การบินไทย สัปดาห์หน้า ปกป้อง “กัปตันจักรี” ที่อาจถูกถอด ใบอนุญาตบิน แย้มรายละเอียด การศึกษา-รัฐวิสาหกิจ ในการเมืองใหม่ ร้องศาล อนุญาติ ถ่ายทอดโทรทัศน์ การพิพากษา คดีที่ดินรัชดา


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
คลิกที่นี่ เพื่อชม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย (56 K)
คลิกที่นี่ เพื่อชม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย (256 K)


วันนี้ (18 ต.ค.) เมื่อเวลา ประมาณ 18.30 น. ที่เวทีพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ทำเนียบรัฐบาล นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำ พันธมิตร ประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัย โดยเป็นการปราศรัย ก่อนเวลาปกติ เนื่องจาก นายสมเกียรติ มีธุระต้องเดินทาง ไปต่างจังหวัด


ในช่วงต้น นายสมเกียรติ เปิดเผยว่า เสนาธิการทหารของ ฝ่ายระบอบทักษิณ เตรียมแผนการ ที่จะป่วนเมืองใน วันจันทร์ที่ 20 ต.ค.นี้ เพื่อไม่ให้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีโอกาส อ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในวันรุ่งขึ้น ดังนั้น ประชาชนจึงต้องลุกฮือ ขึ้นมามากขึ้น เพื่อไม่ให้ฝ่ายของ ทักษิณสามารถกระทำการ ดังกล่าวได้


ต่อมา นายสมเกียรติ จึงขอร้องให้ ในการตัดสินคดี การจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่กำลังจะอ่าน คำพิพากษา ในวันอังคารที่ 21 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ ให้ ศาลฎีกาได้อนุญาตให้มีการ ถ่ายทอดการอ่านคำพิพากษา ผ่านทางโทรทัศน์ ทุกช่อง


“กรุณาอ่านเหมือนกรณี ยุบพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 เพราะการอ่านคำพิพากษา ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจทุกช่อง ถือเป็นการให้การศึกษา แก่ประชาชนอย่างดียิ่ง” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวพร้อมขอเสียง สนับสนุนจากผู้ชุมนุม ซึ่งก็ได้รับ เสียงตอบรับอย่าง หนาแน่น


สองประเด็น เรื่องการเมืองใหม่


นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า วันนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ได้จัดประชุม ระดมความคิด เรื่องการเมืองใหม่ ขึ้นเป็น ครั้งที่ห้า แล้ว โดยการประชุม ในวันนี้ ได้ข้อสรุป หลายเรื่อง แต่ตนขอเปิดเผย เนื้อหาคร่าวๆ ใน 2 ประเด็น ดังนี้ คือ เรื่องการศึกษา และ เรื่องรัฐวิสาหกิจ


การศึกษา


1. การศึกษาต้องไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ของประชาชน โดยเป็น รัฐสวัสดิการ
2. บุคคลที่เกิดมาได้รับ สัญชาติไทย ให้เรียนตามความสามารถตนเอง สามารถเรียนสูงได้แค่ไหน รัฐก็จะอุดหนุน ให้เต็มที่
3. ลดการบรรจุ ครูลง แต่บรรจุ ชาวบ้านที่มีความรู้ ร่วมเป็นครูสอนในโรงเรียน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้าง ความรู้เกี่ยวกับ ภูมิปัญญาท้องถิ่น


รัฐวิสาหกิจ


ในประเด็นนี้ นายสมเกียรติ ระบุว่า จะมีผู้เชี่ยวชาญ และ แกนนำของสหภาพรัฐวิสาหกิจ ขึ้นมากล่าว อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ในขั้นแรก ที่เปิดเผยได้ ต่างเห็นพ้องว่า ถ้าประชาชนได้รับชัยชนะ จะต้องเอา บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กลับคืนมา เป็นของชาติให้ได้


“เรื่อง ปตท. อยู่ในหัวใจเราเสมอ ยังจำวันที่เราไปล้อม ปตท. ได้ไหมครับ มีรายงานข่าว จาก ปตท. ระบุว่า ขณะนี้ รัฐไทยมี สัมปทานเรื่อง บ่อก๊าซธรรมชาติ และ บ่อน้ำมัน 35 สัมปทาน โดยขณะนี้ ขุดพบบ่อก๊าซและ บ่อน้ำมันแล้ว กว่า 800 บ่อ ซึ่งถ้ากลับมาอยู่ ในมือของรัฐ เพียงพอที่ จะสร้างความมั่งคั่ง ให้ชาติไทย”

เรื��ากาศโท�ภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้�ำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย สัปดาห์หน้าเตรียมรับกระแสกดดันหนักเพราะพันธมิตรฯ เตรียมประกาศดาวกระจายเพื่�ไปกดดันกรณีลงโทษกัปตันจักรี เกินกว่าเหตุ

เรืออากาศโท อภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย สัปดาห์หน้า เตรียมรับกระแสกดดันหนักเพราะ พันธมิตรฯ เตรียมประกาศดาวกระจาย เพื่อไปกดดัน กรณีลงโทษ กัปตันจักรี เกินกว่าเหตุ


ดาวกระจาย “การบินไทย” ปกป้อง “กัปตันจักรี”


พร้อมกันนั้น ได้เปิดเผยด้วยว่า ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้นั้น ทาง บริษัทการบินไทย กำลังจะพิจารณา เรื่องถอนใบอนุญาตนักบิน ของ น.ต.จักรี จงศิริ กัปตันการบินไทย ผู้อารยะขัดขืน ไม่ยอมให้ ส.ส. พรรคพลังประชาชน 3 คน ขึ้นเครื่องบิน ในวันที่ 8 ต.ค.2551 หลังจากเกิด เหตุการณ์ รัฐบาลสั่งให้ ตำรวจฆ่าประชาชน ดังนั้น พันธมิตรฯ จึงต้องตัดสินใจ เคลื่อนไหวปกป้อง ผู้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อ ชาติและราชบัลลังก์ ภายในสัปดาห์ ที่จะถึงนี้


“ถ้าพันธมิตรฯ ไม่ปกป้องคนดีเช่น กัปตันจักรี แล้วจะมีใครเล่า มาปกป้องคนดี ที่ต่อสู้ เพื่อชาติ และราชบัลลังก์ ดังนั้น พี่สมศักดิ์ (โกศัยสุข) จึงนำเรื่องเข้า ที่ประชุมแกนนำ ซึ่งจะส่งคนไปช่วย กัปตันจักรี 1 หมื่นคน ขอความร่วมมือ สหภาพฯ การบินไทย ให้ช่วยกัน พร้อมทั้งกล่าวเตือน ไปยัง บอร์ดการบินไทย ที่รับใช้นักการเมืองทรราช ว่า สัปดาห์หน้าเจอกัน” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว


วิเคราะห์แนวรบพันธมิตรฯ


จากนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนจะปราศรัยเรื่อง “ภัยต่อชาติ” ต่อเนื่อง เป็นจำนวน 3 ตอน เริ่มต้นตั้งแต่ วันนี้เป็นต้นไป โดยกล่าววิเคราะห์ว่า ระบอบทักษิณ กำลังสร้างกระแสความปั่นป่วน ให้ประเทศชาติ ในหลายด้านด้วยกัน


ประการแรก คือ การป่วนในชนบท โดยปัจจุบัน ส.ส.พปช. กับ นปก. คุมสถานการณ์ เอาไว้หมด ขณะที่ พันธมิตรฯ ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ทำให้ ราคาสินค้าเกษตร เช่น ราคามัน ราคาข้าวโพด และ ราคายางตกต่ำลง


“เรียนพี่น้องตรงๆ ว่าการทำงานใน ภาคชนบท ยากมาก แนวรบชนบท เราสูญเสียความนิยมไปมาก แต่แนวรบที่ อำเภอ และตำบล ที่เจริญแล้ว ประมาณ 900 อำเภอ และ ประมาณ 1,000 ตำบล จากจำนวนตำบล ทั้งหมด 7,000 ตำบล ชาวบ้านเป็น พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย เกือบหมด” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว


อย่างไรก็ตาม ในแนวรบที่ 2 คือ แนวรบในเมืองนั้น พันธมิตรฯ ได้เปรียบมากที่สุด ส่วน แนวรบ ที่ 3 และ 4 คือแนวรบใน รัฐสภา และ ทางการบริหาร รัฐบาลระบอบทักษิณ ได้ยึดครองไว้หมดแล้ว
ใน แนวรบทางศาลนั้น นายสมเกียรติระบุว่า เป็นแนวรบที่ทรงไว้ซึ่ง ความยุติธรรมเสมอ
ส่วนแนวรบทางเศรษฐกิจ นายสมเกียรติเชื่อว่า พันธมิตรฯ ได้เปรียบเต็มร้อย เพราะ พันธมิตรฯ มีฐานผู้ชุมนุม เป็นชนชั้นกลาง ผิดกับกลุ่ม นปช. เสื้อแดง ที่ต้องการ น้ำเลี้ยงและค่าจ้าง


อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติ ได้ตั้งข้อสงสัยว่า มี นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ ด้านพลังงาน ได้ให้ข้อมูลตนมาว่า มีผู้บงการ ปตท. ให้สำรองน้ำมัน ที่ใช้ในประเทศ ให้น้อยกว่าปกติ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน ทางเศรษฐกิจ กับประเทศ ซึ่งตนยังไม่ปักใจเชื่อ กับข้อมูลดังกล่าว ดังนั้น จึงอยากให้ ปตท. เปิดตัวเลขสำรองน้ำมัน ของประเทศ ให้สาธารณชนได้รับรู้


แนวรบต่อมา คือ แนวรบด้าน ชายแดนนั้น ตนเชื่อมั่นว่า มีผู้อยู่เบื้องหลัง ที่พยายามปั่นป่วน ให้เกิดปัญหา ตามแนวชายแดนระหว่าง ไทย-กัมพูชา


“เรารู้แล้วใช่ไหมว่า ใครไปปั่นเรื่องราวที่ชายแดน แล้วรู้ไหมว่า ทำไมเราไม่ยัน ทหารกัมพูชา 900 คน ออกไปจากดินแดน ก็เพราะว่า เขมรจะได้นำ เรื่องนี้ไป สหประชาชาติ รอบ 2 ยังไงครับ ระบอบชั่วร้ายจาก การวางแผน ของทุนนิยมสามานย์ กำลังวางแผน ให้เอาเรื่องราว ของประเทศไทย ไปสู่เวทีสากล และถ้าก่อเหตุนี้ได้ แนวรบชายแดน เราจะสูญเสียกำลังไป เพราะเราเคยแพ้ กรณีเขาพระวิหาร มาแล้วในปี 2505”


ชี้ “ทักษิณ” กำลังยึดกุมกองทัพ


ส่วนแนวรบสุดท้ายนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า คือ “แนวรบกองทัพ” ซึ่งตนเชื่อว่า ผบ.เหล่าทัพ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. นั้นกำลังถ่วงเวลา ทำเป็น ทองไม่รู้ร้อน ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปรียบ โดยเฉพาะ จากท่าทีของกองทัพ ที่ออกโทรทัศน์ เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 16 ต.ค. นั้น ตนวิเคราะห์ ว่า เป็นท่าที ที่เอื้อต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ


“ท่าน พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ท่านผู้บัญชาการทหารบก และ ผู้อำนวยการ กองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ท่านคง ทราบ ความคิดเห็น ของพันธมิตรฯ แล้ว เมื่อขาด ความเชื่อมั่น ในกองทัพ และ ปัจจุบัน แนวรบ ด้านชนบท รัฐสภา รัฐบาล ก็สูญเสียไปแล้ว”


ดังนั้น ชาติจึงเหลืออยู่แค่ “พันธมิตรฯ กับ ศาลเท่านั้น” นายสมเกียรติกล่าว พร้อมระบุว่า การวิเคราะห์เช่นนี้ ผ่านการคิดมา อย่างละเอียด ด้วยเหตุนี้ ณ ปัจจุบัน สิ่งที่ค้ำจุน ประเทศอยู่ จึงเหลือแค่ “ตุลาการภิวัฒน์ และ ประชาภิวัฒน์ เท่านั้น”

ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ผู้จัดการออนไลน์ 18 ตุลาคม 2551 19:39 น.
http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000122897


พิมพ์ ข่าวนี้ “สมเกียรติ” ฟันธง เมื่อทหารไม่ขยับ ชาติเหลือแค่ “ตุลาการภิวัฒน์-ประชาภิวัฒน์” ค้ำจุน


ข้อแถลง “ประสาทพระวิหาร” จากคณะวิจัย สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คลิกอ่าน ข้อมูล ข่าวและบทความเกี่ยวกับกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร


ปราสาทตาควาย แม้ถูกทิ้งร้างมาหลายศตวรรษ แต่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์จนน่าประหลาดใจ

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

October 9, 2008

“สนธิ” เปิดโปง ขบวนการล้มล้าง สถาบันเบื้องสูง โดย “ระบอบทักษิณ”


“สนธิ” หลั่งน้ำตา เปิดใจ สงสัย “อนุพงษ์” รู้เห็นเป็นใจ “ระบอบทักษิณ”

นายสนธิ ได้ให้ข้�มูลว่า ขบวนการเหล่านี้ เริ่มมาตั้งแต่ หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

นายสนธิ ได้ให้ข้อมูลว่า ขบวนการเหล่านี้ เริ่มมาตั้งแต่ หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549


“สนธิ” เปิดโปง ขบวนการล้มล้าง สถาบันเบื้องสูง โดย “ระบอบทักษิณ” ที่กระทำ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน สงสัย “อนุพงษ์” รู้เห็นเป็นใจ ขณะเดียวกัน ยืนยันใช้ หลักปัญญา ในการต่อสู้ ระบุถ้า ก่อความรุนแรง ให้ลุกเป็นไฟ จะทำให้ “ในหลวง-ราชินี” ทรงโทมนัส


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
คลิกที่นี่ เพื่อชม (56 K) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
คลิกที่นี่ เพื่อชม (256 K) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย


วันนี้ (9 ต.ค.) เมื่อตอนสาย นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวที ที่ทำเนียบรัฐบาล กล่าวต่อผู้ชุมนุมว่า พวกเรายึดมั่นใน อหิงสา มาตลอด และเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ กำลังตกอยู่ในอันตราย และว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่ามองเพียงแค่ ตำรวจที่เข่นฆ่าประชาชน เท่านั้น หรือ อย่ามองเพียง แค่ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่บอกว่า ตัวเอง เป็นกลาง เท่านั้น แต่มันเป็นวิธีการ ทำลายราชบัลลังก์ โดยขบวนการของ ระบอบทักษิณ


นายสนธิ ได้ให้ข้อมูลว่า ขบวนการเหล่านี้ เริ่มมาตั้งแต่ หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยเริ่มจาก การซื้อ รัฐมนตรีบางคน ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ และนี่คือที่มาของ


คำถามว่า ทำไม 4 ข้อหา ที่คณะปฏิวัติ ตั้งเอาไว้กับ รัฐบาลทักษิณ ไม่มีการดำเนินการใดๆ


จากนั้นมีการใช้เงินซื้อ องค์กรอิสระ เช่น กกต. และ ป.ป.ช. บางคน ดังนั้น ถือว่าในครั้งนี้ เป็นสงครามระหว่าง เทพกับมาร อย่างแท้จริง
“ขณะที่บางคน ที่บอกว่า ให้รีบจัดการเลือกตั้ง กำหนดวันเลือกตั้ง ในวันที่ 23 ธ.ค. 49 ผมไม่อยากเอ่ยชื่อว่า เป็นใคร เพราะไม่ต้องการ ให้ระคายเคือง ถึงพระเจ้าอยู่หัว” นายสนธิ ระบุ และว่า รัฐบาล ของ พล.อ.สุรยุทธ์ ทำเหมือน สมรู้ร่วมคิด กับ ระบอบทักษิณ ดังนั้น การเลือกตั้ง จึงมีการซื้อเสียง อย่างเต็มที่


นายสนธิ กล่าวว่า เมื่อ พรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล ในตอนแรก ยังไม่เอา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาเป็นนายก เพราะยังมี ตัวเลือกอื่น คือ นายสมัคร สุนทรเวช เพราะต้องการ แก้ข้อหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่อง การไม่จงรักภักดี จึงเอา นายสมัคร ซึ่งมีภาพลักษณ์ ในเรื่องของ บรรพบุรุษ เคยรับใช้เบื้องพระยุคลบาท มาก่อน มาแก้ปัญหาในเรื่องนี้


นายสนธิ กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมือง ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ที่ยังไม่รุนแรง เพราะคิดว่า ซื้อศาลได้ แต่จุดพลิกผัน ในกรณี ถุงขนม 2 ล้าน ที่ไม่มีใครรับ และเกิดกรณี จำคุก คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และ พี่ชาย ในคดีโกงภาษี


นายสนธิ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ให้จับตา วันที่ 8-21 ต.ค. ที่จะมีการตัดสิน คดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการสร้างสถานการณ์ เพื่อช่วยเหลือ บางคนที่จะเสียบเข้ามา และ เหตุการณ์รุนแรง ที่เกิดขึ้นสืบเนื่อง หลังจากได้ หนีไปต่างประเทศ


“ว่ากันว่า การฆ่าประชาชน มีการวางแผน และมี ทหารใหญ่บางคน ยืนอยู่หลังแนว ตำรวจ และ ผมขอตำหนิที่ ทหารมาช่วยตำรวจ ถือว่าน่าอาย เพราะถ้าต้องการ ช่วยเหลือประชาชน ต้องสั่งให้ ตำรวจหยุดกระทำ ป่าเถื่อนนั้นทันที เปรียบเหมือน เห็นโจรที่มาปล้น แล้วกลับไป ช่วยโจร ดังนั้น ผู้เป็นกบฏคือ ระบอบทักษิณ ที่มีทหารอยู่เบื้องหลัง” นายสนธิ ระบุ


นายสนธิยังให้จับตา การสร้างสถานการณ์ เพื่อยึดอำนาจ และถ้า ถึงเวลาต้องต่อสู้ กับ ตำรวจและทหาร เราก็ต้องลุกมาสู้ และถ้า พวกเราตาย พี่น้องต้องให้สัญญาว่า แผ่นดินต้องลุกเป็นไฟ แต่เรายังใช้หลัก อหิงสา ไม่ต้องการให้ ลุกเป็นไฟ เพราะถ้าขี้ขลาด จะมาสู้แบบนี้ ทำไม


“ผมคิดเป็น สู้เป็น ผมมีปัญญา ถ้าทำอย่างนั้น เหมือนทำลายพระองค์ท่าน ไม่มีประโยชน์ใดๆ” นายสนธิ ซึ่งกล่าวเปิดใจทั้ง น้ำตา และว่า ถ้าเราจะเผา จะใช้ความรุนแรง แบบนั้น จะทำให้ พระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินี ทรงโทมนัส เราทำไม่ได้


นายสนธิ กล่าวว่า ถ้าเกิดการ รัฐประหาร ขอให้พี่น้อง อย่าเพิ่งไปไหน อย่าเพิ่งกลับบ้าน เพราะไม่รู้ว่า เป็นฝ่ายที่ล้มล้างสถาบัน หรือ ปฏิวัติเพื่อ การเมืองใหม่ ถ้าไม่ใช่อย่างหลัง เราก็พร้อมนองเลือด ดังนั้น เราต้องหลอมรวมกัน เป็นหนึ่ง เพื่อพ่อหลวง และแม่หลวง ของเรา

ปรับปรุงจาก ข่าว และ ภาพ ของ สำนักข่าว ผู้จัดการออนไลน์
9 ตุลาคม 2551 13:38 น.
http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9510000120057


พิมพ์ ข่าวนี้ “สนธิ” หลั่งน้ำตาเปิดใจสงสัย “อนุพงษ์” รู้เห็นเป็นใจ “ระบอบทักษิณ”


ข้อแถลง “ประสาทพระวิหาร” จากคณะวิจัย สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คลิกอ่าน ข้อมูล ข่าวและบทความเกี่ยวกับกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร


ปราสาทตาควาย แม้ถูกทิ้งร้างมาหลายศตวรรษ แต่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์จนน่าประหลาดใจ

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง
Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

Next Page »

Create a free website or blog at WordPress.com.