ยิงถล่มกันในเม็กซิโก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน

เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มคู่อริสองกลุ่ม ยกพวกระดมยิงถล่มกัน ในรัฐติจูอาน่า ใกล้ชายแดนเม็กซิโกกับรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน

เจ้าหน้าที่พบว่า 14 ราย นอนจมกองเลือด ท่ามกลางปลอกกระสุนปืนหลายร้อยนัด ขณะที่ศพที่ 15 อยู่ห่างที่เกิดเหตุออกไป หลังพยายามหลบหนีแต่ไปไม่รอด

นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 8 ราย และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 6 ราย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เหตุอาชญากรรมรุนแรงในเม็กซิโกเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยมากมักจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด

ปรับปรุงจาก ข่าวของ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

External Links Below Use Browser “Back Button” Back to Here..

กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ผู้นำฝรั่งเศสกดดันจีน

กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนที่เรียกตัวเองว่า ฮิวแมน ไรท์ วอช เรียกร้องเมื่อวานนี้ให้ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศสผลักดันจีนให้ปรับปรุงสถานการณ์ด้าน สิทธิมนุษยชนในจีนก่อนที่นายซาร์โกซีจะยินยอมเข้าร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ฤดูร้อนที่จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้ กลุ่มฮิวแมน ไรท์ วอช ได้ส่งจดหมายถึง นายซาร์โกซีโดยลงวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมาและมีการนำมาเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยอ้างว่า การที่จีนยินยอมที่จะเปิดการเจรจากับองค์ดาไล ลามะ ผู้แทนจิตและวิญญาณของชาวทิเบต หลังจากจีนปราบปรามการประท้วงในทิเบตอย่างรุนแรงนั้นยังไม่เพียงพอสำหรับผู้ นำฝรั่งเศสที่จะเข้าร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก และขอให้ผู้นำฝรั่งเศสยื่นเงื่อนไขต่อจีน 4 เรื่อง ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วมพิธีเปิดดังกล่าว

ซีเรียยืนยันจะช่วยนายกรัฐมนตรีตุรกีไกล่เกลี่ยสันติภาพระหว่างซีเรียกับอิสราเอล

เจ้าหน้าซีเรียยืนยันเมื่อวานนี้ว่า ซีเรียจะร่วมมือกับตุรกีกรณีที่ตุรกีจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยการเจรจาสันติภาพ ระหว่างรัฐบาลซีเรียกับอิสราเอลอีกครั้งแต่อิสราเอลก็ต้องให้ความร่วมมือ ด้วยเพื่อนำไปสู่การทำข้อตกลง ทั้งนี้ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียได้ร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีไตยึบ แอร์ดวน ของตุรกีที่กรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรียก่อนหน้านี้โดยยืนยันว่า ซีเรียพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับตุรกีในการนำความมั่นคงและเสถียรภาพมาสู่ ภูมิภาคนี้ เจ้าหน้าที่ซีเรียกล่าวว่า การประชุมระหว่างผู้นำซีเรียและผู้นำตุรกีได้เน้นการหารือถึงความพยายามของ ตรุกีที่จะช่วยให้ซีเรียและอิสราเอลเปิดการเจรจากันอีกครั้ง หลังจากการเจรจาดังกล่าวล่มสลายไปเมื่อปี 2543 เนื่องจากตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับขอบเขตที่อิสราเอลจะถอนทหารออกจากที่ราบสูง โกลัน ซึ่งอิสราเอลยึดมาจากซีเรียเมื่อปี 2510

การฝึกซ้อมการตรวจไข้หวัดนกที่สนามบินในอินโดนีเซียสิ้นสุดลงแล้ว

การฝึกซ้อมตั้งจุดตรวจคัดกรองไวรัสเอช 5 เอ็น 1 ที่สนามบินนานาชาติบนเกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย เป็นเวลา 3 วัน ได้สิ้นสุดลงแล้ว
เจ้า หน้าที่อินโดนีเซียกล่าวว่าการฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อม ยับยั้งการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกทั่วประเทศ รูปแบบการฝึกซ้อมประกอบด้วยการจำลองสถานการณ์ การตั้งจุดตรวจที่ประตูผู้โดยสารขาออกเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผ่าน เครื่องสแกน การฝึกซ้อมสมมติให้มีผู้ป่วยไข้สูงปะปนมากับผู้โดยสาร และเจ้าหน้าที่ตรวจพบ จึงนำตัวไปยังห้องพยาบาลของสนามบิน หากมีการตรวจพบว่าติดเชื้อไข้หวัดนก จะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่เมืองเดนปาซาร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่กล่าวว่าการฝึกซ้อมดังกล่าว เป็นการป้องกันการระบาดของไข้หวัดนกในประเทศ

เตรียมช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราในเรื่องราคาปุ๋ยและยาฆ่าแมลง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ เผย เตรียมช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราในเรื่องราคาปุ๋ยและยาฆ่าแมลงที่ขยับ ราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง
นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคายางพารา ขณะเดินทางมาเปิดโรงงานรับซื้อยางพาราที่จังหวัดระยอง ว่า ขณะนี้ราคายางพาราอยู่ที่ 84 บาทต่อ กก. ถือว่าสูงที่สุดแล้ว และเป็นราคาที่ชาวสวนยางพาราพอใจ ประกอบกับขณะนี้คู่แข่งโดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ได้เริ่มหันไปปลูกพืชชนิดอื่นทำให้ราคายางพาราสูงขึ้น และยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่อีกมาก ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกยางพารามากที่สุดในแถบนี้ อย่างไรก็ตามราคาปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ยังเป็นปัญหาของเกษตรกรชาวสวนยางพารา เนื่องจากมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเรื่องนี้ภาครัฐได้เตรียมหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราเป็น การด่วนแล้ว โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังพยายามที่จะส่งเสริม และจัดโซนนิ่งการปลูกพืชเศรษฐกิจให้กับเกษตรกร ว่าพื้นที่ใดเหมาะสมกับพืชชนิดใด ทั้งนี้เพื่อให้เป็นประโยชน์กับเกษตรกรมากที่สุด

ก.เกษตรฯ กำหนดเวลา ห้ามจับปลาในฤดูวางไข่

สำนักงานประมงจังหวัดสุพรรณบุรี แจ้งประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดฤดูปลามีไข่และกำหนดชนิด ขนาด และวิธีใช้เครื่องมือทำการประมง ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2551
นายอนุสสรณ์ มีวรรณ ประมงจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรได้ออกประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดฤดูปลามีไข่และกำหนดชนิด ขนาด และวิธีใช้เครื่องมือทำประมง เพื่อสงวนพันธุ์สัตว์น้ำและวางไข่เลี้ยงลูก ไม่ให้ถูกทำลายเกินสมควร โดยประกาศดังกล่าวได้มีการกำหนดให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 15 กันยายน ของทุกปี ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว ห้ามไม่ให้มีการทำประมงด้วยเครื่องมือการประมงด้วยวิธีใด ๆ ในที่จับสัตว์น้ำในท้องที่ทุกจังหวัดโดยเด็ดขาด เว้นแต่เครื่องมือที่ทำการประมงจะเป็นเบ็ดทุกชนิด ยกเว้นเบ็ดราว ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และขนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน โปง และโทง ซึ่งการใช้เครื่องมือดังกล่าว ห้ามไม่ให้ทำการประมงด้วยวิธีประดาตั้งแต่ 3 เครื่องมือขึ้นไป และการทำการประมงเพื่อประโยชน์ในทางวิชาการ จะต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมประมงเป็นหนังสือเสียก่อน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์ 0-3555-5458

สุพรรณบุรี กำหนดมาตรการเฝ้าระวังการอพยพเคลื่อนย้ายแรงงาน

สำนักงานจัดหางานจังหวัดสุพรรณบุรี กำหนดมาตรการเฝ้าระวังการอพยพเคลื่อนย้ายแรงงาน ในช่วงภาคการเกษตรประสบปัญหาภาวะภัยแล้ง
นางทัสสนา ครุฑอ่ำ จัดหางานจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาวะภัยแล้งได้ขยายคลอบคลุมหลายพื้นที่ในประเทศไทย จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง สำนักงานจัดหางานจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว หากประชาชนต้องอพยพเคลื่อนย้ายแรงงานแบบไม่มีทิศทาง เป้าหมาย หรือไม่เป็นระบบ อาจต้องเสี่ยงกับการถูกหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพหรือได้รับค่าจ้างโดยไม่เป็น ธรรม ก่อให้เกิดความเดือนร้อนแก่ประชาชนได้ จึงได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังการอพยพเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยจัดทำป้ายรณรงค์ประชาสัมพันธ์สกัดกั้นการเคลื่อนย้ายแรงงานตามสถานีขนส่ง และ ประสานงานกับอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดสุพรรณบุรีให้สอดส่อง ดูแลการอพยพเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่ตำบล หมู่บ้าน นอกจากนี้ยังจัดเจ้าหน้าที่คอยบริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านอาชีพและสอดส่อง พฤติกรรมของเหล่ามิจฉาชีพ หากประชาชนต้องการหางานทำ หรือพบเบาะแสของกลุ่มมิจฉาชีพ สามารถแจ้ง สำนักงานจัดหางานจังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์ 0-3553-5388 , 0-3540-8205-6

สนง.ประกันสังคมจังหวัดสุพรรณบุรี เผย สามีภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่เบิกค่าคลอดบุตรได้ 4 ครั้ง

สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสุพรรณบุรี เผย สามีภรรยาที่เป็นผู้ประกันตนทั้งคู่เบิกค่าคลอดบุตรได้ 4 ครั้ง
นายชัยวัฒน์ พันธ์พานิช ประกันสังคมจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยถึงสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรว่า สำนักงานประกันสังคมได้เหมาจ่ายเงินค่าคลอดให้แก่ผู้ประกันตนในอัตรา 12,000 บาท ต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง ซึ่งอัตราดังกล่าวนี้ ครอบคลุมถึงค่าตรวจและค่ารับฝากครรภ์ ค่าบำบัดทางการแพทย์ ค่ายาเวชภัณฑ์ ค่าทำคลอด ค่ากินอยู่และค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาล ค่าบริบาลและรักษาพยาบาลทารกแรกเกิด ค่ารถพยาบาลหรือค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วย ค่าบริการอื่น ๆ โดยผู้ประกันตนที่ขอรับสิทธิประโยชน์ต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนวันรับบริการทางการแพทย์
สำหรับผู้ประกันตนที่เป็นหญิง จะได้รับเงินสงเคราะห์เหมาจ่ายการหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรในอัตราครึ่งหนึ่ง ของค่าจ้างเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนผู้ประกันตนชายนั้นจะได้รับเงินเฉพาะค่าคลอดเหมาะจ่ายเป็นเงิน 12,000 บาทต่อการคลอดหนึ่งครั้งในกรณีที่สามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ จะสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่เกิน 4 ครั้ง หากผู้ประกันตนต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่สำนักงานประกันสังคม จังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์ 0-3553-5389-91 ในเวลาราชการ หรือโทรสายด่วน 1506 ได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

ศอ.บต.สนับสนุนงบประมาณปรับปรุงพื้นที่นาข้าวขั้นไดใน จ.นราธิวาส เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต

ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาค ใต้ สนับสนุนงบประมาณปรับปรุงพื้นที่นาข้าวขั้นบันไดใน จ.นราธิวาส เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนในพื้นที่
นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อสนองพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในคราวเสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ จ.นราธิวาส เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ที่มีพระราชประสงค์ให้ จ.นราธิวาส ขยายพื้นที่โครงการชลประทานเพื่อให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ด้านน้ำเพื่อการเกษตร ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ศอ.บต.จึงได้สนับสนุนงบประมาณให้ จ.นราธิวาส จำนวน 1 ล้านบาทเศษ ในการปรับปรุงพื้นที่ นาข้าวขั้นบันไดแก่ราษฎรในพื้นที่บ้านยาเด๊ะ ต.มาโมง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2529 โดยใช้น้ำจากฝายทดน้ำคลองไอร์ยาเด๊ะ มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 400 ไร่ แต่เนื่องจากยังมีปัญหาในด้านงบประมาณและสภาพพื้นที่ที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ปัจจุบันราษฎรในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์เพียง 200 ไร่ ส่วนอีก 200 ไร่ที่เหลือถูกปล่อยเป็นพื้นที่นาร้างมาเป็นเวลานาน
จากปัญหาดังกล่าว ศอ.บต.จึงได้สนับสนุนงบประมาณให้แก่นิคมสร้างตนเองสุคิริน จ.นราธิวาส ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการเพื่อให้ราษฎรในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่เหลือ โดยเข้าไปปรับปรุงแปลงนา กำจัดวัชพืช พร้อมทั้งสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์พืช อุปกรณ์การเกษตรต่างๆ และให้จัดแบ่งพื้นที่แปลงนาแก่ราษฎรสำหรับทำการเพาะปลูก ครอบครัวละ 5 ไร่ โดยจะมีราษฎรในพื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 40 ครอบครัว ซึ่งผลการดำเนินการในพื้นที่ 200 ไร่แรกในปีที่ผ่านมา ของเกษตรกร 40 ครอบครัว พบว่าได้ผลผลิตข้าวเฉลี่ย 45 ถังต่อไร่
ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวอีกว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรและเยาวชนที่ด้อย โอกาสในพื้นที่ เพื่อร่วมในโครงการนี้ รวมทั้งการจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับเข้าปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะสามารถให้เกษตรกรเข้าใช้พื้นที่ได้ภายในเดือนกันยายนปีนี้

ชาวไทยเกินครึ่ง ระบุเร็วเกินไปที่จะ แก้ไขรัฐธรรมนูญ

เอแบคโพลล์ เผย ประชาชนไทยร้อยละ 52.3 ระบุเร็วเกินไปที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ ..

ขณะที่เกือบร้อยละ 90 หวั่นกรณีความขัดแย้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำเศรษฐกิจทรุด

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่องความหวังและความกลัวของประชาชน เมื่อรัฐบาลนำการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระแห่งชาติ กรณีศึกษาประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งใน 18 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 3,772 ตัวอย่าง ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 23-26 เมษายน พ.ศ. 2551 ผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เกินกว่าร้อยละ 90 ติดตามข่าวสารเป็นประจำทุกสัปดาห์

เมื่อสอบถาม อารมณ์ความรู้สึก ของประชาชนต่อสถานการณ์การเมืองไทย ขณะนี้ พบว่า

ร้อยละ 75 ระบุ รู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมของนักการเมืองขณะนี้ระดับมากถึงมากที่สุด
รองลงมาคือร้อยละ 70.1 ระบุ รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศการเมืองขณะนี้ระดับมากถึงมากที่สุด และ
ร้อยละ 62.2 ระบุ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญของประเทศมากถึงมากที่สุด

ทั้งนี้เมื่อถามถึงกลุ่มบุคคล องค์กร หรือสิ่งที่ประชาชน มีความหวังที่จะช่วย แก้ไขปัญหา นักการเมืองที่ไม่ดี ออกไปจากระบบการเมืองไทย พบว่า

ร้อยละ 80.5 ระบุ มีความหวังต่อศาลรัฐธรรมนูญ
รองลงมาคือร้อยละ 78.9 หวังต่อศาลปกครอง และ
ร้อยละ 77.3 หวังต่อศาลยุติธรรม

ที่น่าพิจารณาคือ ความกลัวของประชาชนต่อสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่สังคมไทย กำลังมีความขัดแย้งเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ พบว่า

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.7 กลัวเศรษฐกิจจะแย่ลงไปอีก
ร้อยละ 87.1 กลัวประชาชนจะเป็นทุกข์กว่าเดิม และ
ร้อยละ 86.9 กลัวปัญหาอาชญากรรมในกลุ่มวัยรุ่น

เมื่อถามถึงช่วงเวลาว่าเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือกำลังเหมาะสมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผลสำรวจพบว่า

ประชาชนร้อยละ 52.3 ระบุว่า เร็วเกินไป ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้
ร้อยละ 24.9 ระบุว่า ช้าเกินไป และ
ร้อยละ 22.8 ระบุว่า กำลังเหมาะ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงช่วงเวลาในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ กลับพบว่า

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.6 บอกว่าช้าเกินไป
ร้อยละ 28.8 บอกว่ากำลังเหมาะ และ
มีเพียงร้อยละ 7.6 บอกว่าเร็วเกินไปที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้

นอกจากนี้ ผลสำรวจพบอีกว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.8 ระบุ ควรลงประชามติว่าให้แก้ไขหรือไม่ก่อน ถ้ามติออกมาว่าให้แก้ไข จึงค่อยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ขึ้นมาแก้ไขได้

ในขณะที่ร้อยละ 34.3 ระบุว่า ควรมี สสร. มาแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนแล้ว จึงให้ประชาชน ลงมติว่ารับหรือไม่รับ และ

ร้อยละ 8.9 ระบุ อื่นๆ อาทิ ไม่ต้องแก้ไขอีกแล้ว มุ่งแก้เศรษฐกิจก่อน และแล้วแต่รัฐบาล เป็นต้น

ปรับปรุงจาก ข่าวของ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

External Links Below Use Browser “Back Button” Back to Here..