สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบุ ผลจากการทำ CL ยา ทำให้ซื้อยาต้านเอดส์ได้ถูกลง ประหยัดงบสามารถนำงบที่เหลือกว่า 1,000 ล้านบาท ไปสนับสนุนการใช้สิทธิประโยชน์ในการรักษาโรคไตวายเรื้อรัง และไข้หวัดใหญ่ได้มากขึ้น
นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า หลัง สปสช.รับโอนภารกิจโครงการจ่ายยาต้านไวรัสเอชไอวี จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 โดยจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อบริการผู้ป่วยเอดส์ มุ่งเน้นให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าถึงบริการยาต้านไวรัสเอชไอวี ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาลงทะเบียนแล้ว 107,011 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อที่รับยาต้านไวรัสเอดส์ 79,185 ราย ใช้งบจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ 1,041 ล้านบาท ซึ่งกองทุนฯดังกล่าว สามารถประหยัดค่ายาต้านไวรัสเอชไอวีได้ จากการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยาเอดส์ของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้เหลืองบประมาณส่วนหนึ่งไปสนับสนุนโครงการบริการทดแทนไตในผู้ป่วยไตวาย เรื้อรังปี 2550 เป็นเงิน 836 ล้านบาท และจัดสรรงบสำหรับจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรค เรื้อรัง เป็นเงิน 103 ล้านบาท รวมเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 3,855 ล้านบาท ทั้งนี้ งบประมาณกองทุนเอดส์ในปีนี้ จำนวน 4,382 ล้านบาท ตั้งเป้ามีผู้ป่วยรับยา 132,000 ราย ส่วนปีหน้า ได้เสนอของบประมาณไว้ 2,983 ล้านบาท ซึ่งลดลงกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากการซื้อยาต้านไวรัสที่มีราคาถูกลง
April 17, 2008
สปสช. เผยผลจากการทำ CL ยา ทำให้ซื้อยาต้านเอดส์ได้ถูกลง
Leave a Comment »
No comments yet.
Leave a comment