ประชุมอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่

ก.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นเจ้าภาพจัดการ
ประชุมคณะกรรมการภายใต้ข้อตกลงอาเซียน
เรื่องมลพิษจากหมอกควันฯ ที่ จ.เชียงใหม่

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการภายใต้ข้อตกลงอาเซียน เรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่

นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ ภายใต ้ข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 2 ที่โรงแรมมณีณารากรณ์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับปลัดกระทรวงจากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ

รวมทั้งผู้แทนจากสำนักงานเลขาธิการอาเซียนและองค์กร เกี่ยวข้องระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุมจำนวน 70 คน เพื่อติดตามการดำเนินงานการแก้ไขมลพิษในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งหารือประเด็นการบริจาคเงินเข้ากองทุน อาเซียนด้านหมอกควัน รวมทั้งแนวทางในการดำเนินงานแก้ปัญหา

ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการพยากรณ์ของหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาทราบว่า ในปีนี้สภาพอากาศในพื้นที่จะแห้งแล้งกว่าปีที่ผ่านมา จึงต้องเร่งระดมป้องกันปัญหาหมอกควันจากมลพิษอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 – 5 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะทำงานเพื่อแก้ไข ไฟป่า และหมอกควัน ในอนุภูมิภาค ลุ่มน้ำโขง ซึ่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดความร่วมมือ รวมทั้งแสดงศักยภาพ ในการจัดการไฟป่าระดับอนุภูมิภาค

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

อดีตนายกฯ ยอมรับจะเดินทางออกนอกประเทศในวันที่ 13 มี.ค.นี้

อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับ จะเดินทางออกนอกประเทศ ในวันที่ 13 มีนาคมนี้ และยืนยัน เลิกยุ่งเกี่ยวทางการเมืองอย่างเด็ดขาด โดยไม่ให้คำปรึกษากับรัฐมนตรีคนใดในรัฐบาลชุดนี้

พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานการประชุมสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย ที่มูลนิธิไทยคม ถนนราชวิถี ซึ่งภายหลังการประชุมกว่า 3 ชั่วโมง ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง โดยยอมรับว่า จะเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ ในวันที่ 13 มีนาคมนี้ ซึ่งจะทำเรื่องขออนุญาตศาล เนื่องจากต้องเดินทางออกนอกประเทศบ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีในวันที่ 12 มีนาคมนี้ ได้เตรียมข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา และขอยืนยันอีกครั้งว่า เลิกยุ่งเกี่ยวทางการเมืองอย่างเด็ดขาด โดยจะมุ่งทำงานเพื่อการกุศลและประเทศชาติ ซึ่งขอให้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ ส่วนการจะไปพบ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากท่านเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และต้องให้ความเคารพ

พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ยืนยันไม่เคยให้คำปรึกษาเรื่องการทำงานกับรัฐมนตรีคนใดในรัฐบาล ส่วนการทำงานของรัฐบาลจะประเมินออกมาอย่างไรนั้น รัฐบาลเพิ่งทำงานได้ไม่นาน จึงขอให้ใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

เตรียมเสนอ ก.พาณิชย์ พิจารณา พรบ.ส่งเสริมการลงทุน

รมว.อุตสาหกรรม เตรียมเสนอ ก.พาณิชย์ พิจารณา พรบ.ส่งเสริมการลงทุน เพื่อขจัดอุปสรรคการลงทุนในประเทศ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเสนอ กระทรวงพาณิชย์พิจารณาพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน เพื่อขจัดอุปสรรคการลงทุนภายในประเทศ

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเข้าหารือกับสภาหอการค้าต่างประเทศ ว่า ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ชี้แจงนโยบายส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรม และการพิจารณาปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน อาทิ มาตรการทางภาษี การต่อวีซ่าที่ต้องทำทุก 90 วัน รวมถึงได้กำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของนักธุรกิจต่างชาติ ซึ่งจะเสนอให้ทรวงพาณิชย์นำไปพิจารณา นอกจากนี้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจะเร่งเปิดศูนย์ One Stop Service เพื่อให้บริการนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศได้ดำเนินขั้นตอนการขอส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการจดทะเบียนบริษัทด้วย คาดว่าจะสร้างบรรยากาศให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลยกเลิกมาตรการกันสำรองเงินตราร้อยละ 30 ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ส่งเสริมให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น และในสัปดาห์หน้าตนเองจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อชี้แจงนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กด้วย

สส.พปช. เสนอญัตติด่วนศึกษาข้อบกพร่อง รธน.

สส.พรรคพลังประชาชน เสนอญัตติด่วนศึกษาข้อบกพร่องรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยัน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ต้องการช่วยเหลืออดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาระบุ

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ พร้อมด้วย นางฐิติมา ฉายแสง สส.พรรคพลังประชาชน และรองโฆษกพรรคพลังประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวว่า ขณะนี้ได้ยื่นญัตติด่วนขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาพิจารณาปัญหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2551 กับประธานสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเห็นว่ามีข้อบกพร่องหลายอย่าง จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชน และนักวิชาการร่วมส่งความเห็น หรือเสนอตัวเข้าเป็นกรรมาธิการวิสามัญที่จะมีการตั้งขึ้น ทั้งนี้ นางฐิติมา ได้ยกตัวอย่างข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญว่า มาตรา 266 ที่ระบุห้าม สส.ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการ ทำให้เกิดปัญหาในการตีความ และ สส.ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เหมือนในอดีต

ด้านนายบุญจง ชี้แจงว่า การตั้งคณะกรรมาธิการเพียงศึกษารัฐธรรมนูญก่อน แต่ยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นตอนการแก้ไข และยืนยันไม่ใช่เตรียมแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยเหลือไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาแถลงข่าว

ประธาน กกต. ยัน การจัดทำคำวินิจฉัยคดี “ยงยุทธ” ไม่ล่าช้า

ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ยืนยัน การจัดทำคำวินิจฉัย คดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ไม่ได้ล่าช้า แต่ กกต.มีงานมากต้องทำ และต้องการให้เจ้าหน้าที่เรียบเรียงคำวินิจฉัยให้เรียบร้อย

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งจัดทำสำนวนของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ กกต.มีมติเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง หรือ ใบแดง โดยยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ทำงานล่าช้า และตั้งใจทำงานทุกอย่างให้เร็วที่สุด แต่เนื่องจากมีเรื่องต้องทำมาก ไม่ใช่เพียงเรื่องเดียว ซึ่งคาดว่าสัปดาห์หน้า เจ้าหน้าที่จะจัดทำสำนวนเสร็จและเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม กกต.ได้ ทั้งนี้การวินิจฉัยไม่ได้มีปัญหา แต่ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ได้เรียบเรียงคำวินิจฉัย ซึ่ง กกต.จะพยายามปรับปรุงการทำงาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ทำงานให้เร็วขึ้น

ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยอมรับว่า จะมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงานของ กกต.ทั้ง 5 คนเร็วๆ นี้ ส่วนอายุการทำงานของนายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม ที่จะมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 8 มีนาคมนี้ แต่เมื่อนับศักราชใหม่ ให้วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันสิ้นปี ตาม พ.ร.บ.ปฏิทิน 2484 ก็จะถือว่านายสุเมธจะมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 8 มีนาคม 2552 ซึ่งจะมีการหารือกันเร็วๆ นี้ แต่นายสุเมธ คงไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอให้ทุกอย่างชัดเจน

มท.1 ระบุ พร้อมเตรียมทำประชาพิจารณ์ทันที

มท.1 ระบุ ทันทีที่นายกฯ มอบให้ดูแลเรื่องบ่อนเสรี พร้อมเตรียมทำประชาพิจารณ์ทันที

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุ ทันทีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดูแลเรื่องการเปิดบ่อนเสรี จะทำประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงแนวความคิดการเปิดบ่อนเสรีว่า ตนเอง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาวิทยานิพนธ์ในเรื่องนี้ของนักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งได้เขียนไว้จำนวน 149 หน้า โดยรายละเอียดระบุถึงความแตกต่างของสังคมไทย ที่มีความแตกต่างกับต่างประเทศ ซึ่งสังคมไทยมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง สำหรับกลุ่มคนที่ต่อต้านนั้นเห็นว่า เป็นสิทธิแสดงความคิดเห็นของแต่ละคน ทั้งนี้ทันทีที่กระทรวงมหาดไทยได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการเรื่องนี้ ก็จะทำประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทันที

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ในเวลา 14.30 น. จะพบผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อรับทราบข้อมูล และข้อคิดเห็นในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ได้ประสานเอาไว้

นายกฯ ยันตั้งบ่อนคาสิโน เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันในการ ตอบกระทู้ถามสด
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ระบุ การตั้งบ่อนคาสิโน เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว
ไม่ใช่ นโยบายของรัฐบาล

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (6 มี.ค.) ซึ่งมีการตั้งกระทู้ถามสดเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อน ของประชาชน หลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องการตั้งบ่อนคาสิโน โดยนาย เทพไท เสนพงศ์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ถึงแนวคิด การตั้งบ่อนคาสิโนว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัว หรือ เป็นนโยบาย ของ พรรคพลังประชาชน เพราะแนวคิดดังกล่าวสร้างความสับสนให้กับประชาชน และทำให้เกิดความแตกแยกทางความคิด อีกทั้งยังมองว่า มีเจตนากลบเกลื่อนกระแสข่าวอื่นใดหรือไม่ ทั้งนี้
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า แนวคิดดังกล่าว ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล หรือ พรรคพลังประชาน แต่เป็นเพียงความคิด เห็นส่วนตัว ที่ตอบคำว่ามีได้หรือไม่ และ ที่ ผ่านมีการนำเสนอข่าวเกินความจริง พร้อมระบุไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มแนวคิด ดังกล่าว เนื่องจากเรื่องนี้ สภาผู้แทนราษฎรมีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาก่อนแล้ว และหาก การเปิดบ่อนคาสิโน ขัดกับ รัฐธรรมนูญ ก็ยืนยันว่าจะ ไม่มี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ เปิดบ่อนคาสิโนได้แน่นอน อย่างไรก็ตามการตอบ กระทู้ถามสด ดังกล่าว ใช้เวลาไม่นานนัก และได้รับคำชมจากนาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานในที่ประชุม ว่าเป็น กระทู้ตัวอย่าง เพราะเป็น การถามตรง และ ตอบโดยตรงประเด็น

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

มิติใหม่ แก้ปัญหา สินค้าการเกษตร แบบครบวงจร

2 รัฐมนตรี จาก “พลังประชาชน” และ “ชาติไทย”
ประกาศสร้างมิติใหม่ แก้ปัญหาสินค้าการเกษตร แบบครบวงจร

วันนี้ (6 มี.ค.51) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นวาระการตอบกระทู้ถามสด นาย สถาพร มณีรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชาชน จังหวัดลำพูน ตั้งกระทู้ถามถึง ภาพรวมการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรของภาคเหนือแบบครบวงจร พร้อมทั้งนำสินค้าเกษตรมาประกอบการอภิปราย เช่น หอมแดง และลำไย โดยระบุว่า

อีก 2 เดือน ลำไยจะออกสู่ตลาดมากกว่า 5 แสนตัน ซึ่ง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงถึง การแก้ปัญหาลำไย ว่า ขณะนี้ได้ เตรียมขายลำไยสด ล่วงหน้า และ หาตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ ขยายปริมาณการซื้อจากประเทศจีน และ หาตลาดใหม่เนื่องจากที่ผ่านมา ผลผลิตลำไย ถูกส่งออกต่างประเทศมากกว่าร้อยละ 30

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงถึงภาพรวมการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร ตัวอื่นแบบครบวงจร เช่น ข้าว หอมหัวใหญ่ และ หอมแดง ว่า สำหรับ ตลาดในประเทศได้เจรจากับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่มีสาขาทั่วประเทศ กว่า 200 แห่ง ช่วยกระจายสินค้า เช่น ห้างโลตัส บิ๊กซี คาฟูร์ และอื่น ๆ

ส่วนตลาดในต่างประเทศ สัปดาห์หน้าจะมีการหารือ 3 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมกันผลักดันให้ ท่าอากาศยานทั่วประเทศเป็น คาโก้แอร์พอร์ต เพื่อใช้กระจายสินค้าการเกษตรออกไปต่างประเทศ

ด้าน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคชาติไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ปัญหาสินค้าเกษตร ลักษณะดังกล่าว ถือเป็นมิติใหม่ เพราะแม้จะเป็นรัฐมนตรี จากต่างพรรค แต่ร่วมมือกัน โดยสัปดาห์หน้า

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะยกทีมเจรจา กับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมประเมินว่า ปีหน้า สินค้าเกษตร จะมีปริมาณการผลิตเท่าไหร่ และ กระทรวงพาณิชย์ จะต้องส่งออกจากปริมาณที่เหลือ จากการบริโภคภายในประเทศ อย่างไร

ขณะเดียวกัน ทาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะวิจัยเพื่อส่งเสริมให้ เกษตรกรปลูกผลผลิตสายพันธุ์ดี ต้นทุนต่ำ เป็นหลัก

นอกจากนี้ จะดูแลการลักลอบ ขนสินค้าการเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาตัดราคาสินค้าการเกษตรภายในประเทศด้วย

ปรับปรุงจาก ข่าวของ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

---

ใช้ [ปุ่มถอยหลัง] ของเว็บบราวเซอร์ เพื่อกลับมาที่นี่ จากข้อมูลเชื่อมโยงด้านล่าง Use Browser [Back] Button Return to Here from URL Below

ครม.เงา มีมติไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเปิดบ่อน

การประชุมคณะรัฐมนตรีเงา มีมติไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเปิดบ่อน พร้อมเตรียมเสนอการใช้เงินของภาครัฐผ่านทางงบประมาณกลางปี จำนวน 40,000 ล้านบาท

นายศิริโชค โสภา โฆษกคณะรัฐมนตรี (ครม.) เงา แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเงา โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีเงา โดยได้มีการหารือ และวิเคราะห์มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งเห็นด้วยกับมาตรการลดภาษี แต่เห็นว่าประเทศไทยยังมีกลุ่มคนจำนวนมากที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ต้องเสียภาษี จำเป็นที่ต้องหามาตรการอื่นมาช่วยกลุ่มคนเหล่านี้ โดย ครม.เงาเสนอให้มีการใช้เงินของภาครัฐผ่านทางงบประมาณกลางปีจำนวน 40,000 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนโดยตรง ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณ เพราะยังสามารถขาดดุลได้เพิ่มจากเดิมอีก 200,000 บาท

ขณะเดียวกันที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเปิดบ่อน เพราะต้นทุนทางสังคมที่รัฐบาลต้องเข้าไปบำบัดนั้น หากดูจากตัวเลขในต่างประเทศนั้น อาจสูงกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับถึงประมาณ 6 เท่า เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องอาชญากรรม ยาเสพติด และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากครอบครัว นอกจากนี้ยังผิดศีลธรรม เพราะรัฐบาลควรเป็นแบบอย่างในการสนับสนุนการนำหลักธรรมของศาสนามาใช้ เพื่อสร้างเสริมคุณธรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิต

“ทักษิณ” ส่งทีมทนายชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อ อนุกรรมการไต่สวนของ คตส.

พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งทีมทนายชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ ต่อ อนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและเห็นว่าทั้งหมดเป็นเรื่องการเมือง

ทีมทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำโดย นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ นำหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ พันตำรวจโททักษิณ ซึ่งหนาประมาณ 500 หน้า ยื่นต่ออนุกรรมการไต่สวนของ คตส.โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ว่า พันตำรวจโททักษิณ และภริยาได้โอนขายหุ้นชินคอร์ปให้บุคคลอื่นไปแล้วตั้งแต่ปี 2543 ก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2544 ซึ่งเป็นการกระทำอย่างเปิดเผย ไม่มีการวางแผนโอนหุ้นให้บุคคลอื่น

สำหรับ ข้อกล่าวหาที่ว่าใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจสัมปทานของบริษัท ชินคอร์ป นั้น ทีมทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พันตำรวจโททักษิณ ชี้แจงว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องไปแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือธุรกิจสื่อสารดาวเทียม เพราะมีหน่วยงานของรัฐดูแลรับผิดชอบอยู่ และเป็นหลักการของการเปิดกิจการโทรคมนาคมเสรี ขณะเดียวกัน ปฏิเสธข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติจากการขายหุ้น และเงินปันผลของหุ้น มูลค่า 77,000 ล้านบาท เพราะจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายมีเท่าเดิมตั้งแต่สมัยก่อตั้งบริษัทชินคอร์ป แต่มูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาเกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง ทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยขอยืนยันความบริสุทธิ์ และเชื่อว่าการถูกตั้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ มีปัญหามาจากทางการเมืองเป็นสำคัญ