http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000034672
อดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญชี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์เฉพาะบางพรรคดิ้นหนีคดียุบพรรคคงทำไม่ง่ายอย่างที่คิด ขณะที่ ประธานวุฒิสภาระบุเป็นเรื่องของสภาผู้แทนฯเป็นผู้พิจารณา
วันนี้(22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันพระปกเกล้าฯ ได้จัดสัมมนาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่โรงแรมอามารี ออคิด รีสอร์ท แอนด์ทาวเวอร์ จ.ชลุบรี โดย นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวเปิดสัมมนาว่าการสัมมนาครั้งนี้เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภารับทราบปัญหาอุปสรรคในการทำงานและการทำหน้าที่ รวมถึงให้สมาชิกได้ทำความรู้จักกัน ซึ่งจากการเดินทางมาร่วมกันเห็นว่าสมาชิกได้ทำความรู้จักกันเป็นอย่างดี ขณะนี้ภาพ ส.ว.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้ง แทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว ทั้งนี้เห็นได้จากการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ที่มีการแต่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุม ไม่มีความขัดแย้ง เพราะสมาชิกทุกคนต่างมาทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
ประธานวุฒิสภา ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนเตรียมเสนอญัตติศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่ทราบเรื่อง จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร หากเห็นว่าควรแก้ไข วุฒิสภาก็พร้อมดูในรายละเอียด
เมื่อถามว่า ความพยายามเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาจากพรรคพลังประชาชน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อแก้วิกฤติเรื่องการยุบพรรค ประธานวุฒิสภา กล่าวว่าหากสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่าเหมาะสมก็สามารถทำได้ ส่วนขณะนี้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสภาล่าง หากเห็นว่าสมควรสภาสูงก็พร้อมพิจารณา
ด้าน นายนรนิติ เศรษฐบุตร อดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ปฏิเสธให้ความเห็น โดยกล่าวเพียงว่า หากพูดอะไรคงไม่มีใครฟัง จึงให้ความเห็นอะไรไม่ได้ ใครพยายามจะแก้ไขก็ให้แก้ไป ส่วนจะมีพรรคการเมืองหนึ่งแก้เพื่อประโยชน์ของตนหรือไม่ คิดว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายอย่างที่ใครคิด
พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี บอกว่าหากมีการยุบพรรคการเมืองอีกจะส่งผลกระทบต่อความเสียหายของประเทศทางด้านเศรษฐกิจว่า รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเขียนไว้ชัดเจน หากเห็นว่าคณะกรรมการบริหารพรรคพรรคการเมืองใดทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พรรคการเมืองต้องถูกยุบด้วย ซึ่งตนเชื่อว่าการสอบสวนของกกต.ไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะยุบพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่พิจารณาในลักษณะการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนจะชิงยุบสภาเพื่อไม่ให้พรรคถูกยุบนั้น ถามว่าจะยุบสภาทำไม เพราะพรรคไหนถูกยุบก็ตั้งพรรคใหม่ได้ หรือสมาชิกไปหาพรรคสังกัดใหม่ได้ ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจคงมีไม่มาก
“ประสงค์”เฉ่งพวกคิดแก้รธน.เห็นแก่ตัวซัด”หมัก”พูดทุเรศ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000034631
“ประสงค์” เฉ่งนักการเมืองคิดแก้รัฐธรรมนูญเห็นแก่ตัวเอาตัวรอด
ทำผิดแล้วถูกจับได้นอกจากไม่ยอมรับแล้วยังมาคิดแก้กติกาอีก พรรคการเมืองประเภทนี้สมควรถูกยุบ อัด “หมัก” พูดทุเรศเปรียบ “พรรคพลังแม้ว”เหมือนประเทศ จับบ้านเมืองเป็นตัวประกัน วันนี้(22 มี.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวในรายการเมืองไทยสุดสัปดาห์ ทางคลื่นวิทยุ 98.0 เมกกะเฮิรตซ์ ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการยุบพรรคว่า สะท้อนให้เห็นความนึกคิดของนักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ส่วนพวก ส่วนพรรคของตนเป็นใหญ่ การเขียนรัฐธรรมนูญเรื่องการยุบพรรค หากไม่มีการไปทำผิด ทำตามกติกา อ่านให้เข้าใจ รัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค เพื่อให้เกิดความหวาดกลัว เกรงกลัวการกระทำผิด หากนักการเมืองพรรคไหนไม่กระทำผิด ก็ไม่ควรจะเดือดร้อนน.ต.ประสงค์ กล่าวเปรียบเทียบว่า เหมือนคณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกันในสิ่งที่กำหนดออกไป พรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรค มีอำนาจหน้าที่ไม่เหมือนสมาชิกพรรคทั่วไป กรรมการบริหารพรรคกำหนดทิศทาง กำหนดนโยบาย ส่งใครลงไม่ลงเลือกตั้ง ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน หากบอกว่า การกระทำผิดเป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล ก็ควรไปเป็นส.ส.ธรรมดาและว่า หากมีการทุจริต ถูกจับได้ ก็ต้องเป็นไปตามกติกา หากเขียนกติกาแล้วไม่เคารพ บ้านเมืองก็อยู่กันไม่ได้
อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นเวรกรรมที่บ้านเมืองนี้ มีนักการเมืองประเภทนี้อยู่ ไม่ใช่เวรกรรมของประเทศกรณียุบพรรค หากพรรคการเมืองไม่ดี พรรคทำความเสียหาย ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ตนคิดว่า ยุบไปเสียได้ก็ดี พรรคที่ทำถูกต้องชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย ไปยุบได้อย่างไร ควรส่งเสริมสนับสนุน
น.ต.ประสงค์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เปรียบการยุบพรรคการเมือง เหมือนเป็นการทำให้ประเทศนี้ตาย ว่า เป็นการเปรียบเทียบที่ทุเรศ เอาพรรคไปเปรียบเทียบกับประเทศได้อย่างไร พรรคการเมืองไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นกลุ่มการเมืองที่เข้ามาทำการเมือง อย่าไปยกตัวเสมอ ว่า พรรคของตัวเหมือนประเทศชาติ เป็นคำเปรียบเทียบที่ไม่ถูก
ส่วนการยุบพรรคการเมืองทำให้ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศลดลง นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า การเมืองนิ่งหรือไม่นิ่ง อยู่ที่นักการเมือง นักการเมืองมีหน้าที่ทำให้พรรคการเมืองโปร่งใส บริหารประเทศแบบธรรมาภิบาล เคารพนิติธรรม นิติรัฐ โยงการเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจไม่ดี เพราะพวกคุณไม่นิ่งกันเอง อ้างอย่างนั้นไม่ได้ คาดไม่ถึง คนที่ก้าวมาถึงระดับตำแหน่งอย่างนี้แล้ว จะนึกถึงตัวเองเป็นเรื่องใหญ่ จับเศรษฐกิจมาเป็นตัวประกัน จับประเทศชาติมาเป็นตัวประกัน คนเหล่านี้หากไม่เปลี่ยนนิสัย พฤติกรรม ควรไปประกอบอาชีพอื่น