Accom Thailand

March 22, 2008

บรรยากาศ ถนนคนเดิน ริมโขงไนท์บาร์ซ่าร์ มุกดาหาร วันแรกไม่คึกคัก


บรรยากาศคืนแรก (21 มีค.51) ของถนนคนเดิน ริมโขงไนท์บาร์ซ่าร์ จังหวัดมุกดาหาร ยังไม่คึกคัก เนื่องจาก ผู้ที่จองพื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์และอาหาร ยังไม่ได้นำสินค้ามาจำหน่ายมากนัก รวมทั้ง นักท่องเที่ยว และ ชาวมุกดาหาร ยังไม่ทราบว่ามีกิจกรรมดังกล่าว


นายสมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า คืนแรกที่ จังหวัดมุกดาหารจัดกิจกรรม ถนนคนเดิน ริมโขงไนท์บาร์ซ่าร์ ที่กำหนดให้เป็นถนนสำหรับให้นักท่องเที่ยวและชาวมุกดาหาร ได้เดินเล่น สัมผัสบรรยากาศ ยามเย็น สองฝั่งโขง ชมการแสดงดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของชาวมุกดาหาร พร้อมรับประทานอาหาร และ เลือกซื้อสินค้า ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ เนื่องจากอาจเป็นคืนแรก


ดังนั้น จึงอยากประชาสัมพันธ์เชิญชวน ชาวมุกดาหาร และ นักท่องเที่ยว ให้มาเที่ยวกันให้มาก รวมทั้งบรรดา ผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ที่จองพื้นที่ไว้แล้ว ก็ขอให้นำสินค้ามาจำหน่ายตามที่จองไว้ด้วย


นายวิทยา คงคาวิภาสันติกุล นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และได้มาเดินที่ริมโขงไนท์บาร์ซ่าร์ กล่าวว่า บรรยากาศยามเย็นที่ริมฝั่งโขงอากาศดีมาก แต่การประชาสัมพันธ์ค่อนข้างน้อย ควรจะมีป้ายเชิญชวน ให้ผู้คนมาเที่ยวกันให้มาก


สำหรับ ถนนคนเดิน ริมโขงไนท์บาร์ซ่าร์ จังหวัดมุกดาหาร กำหนด ทุก วันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. ที่บริเวณถนนเขื่อนริมโขง ตลาดอินโดจีน


จาก ช่าวของ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

คาดฟื้น กรอ.ไม่ยุบ กยศ.ดำเนินงานลักษณะให้กู้แบบคู่ขนาน

Filed under: 1 — accomthailand @ 23:55

ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ระบุ แนวทางการฟื้นกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต จะเป็นลักษณะเปิดให้นักเรียน นักศึกษากู้ยืมเงินเรียนแบบคู่ขนานกัน
นายธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมฟื้นฟูกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต หรือ กรอ. ขึ้นใหม่ เพื่อเป็นกองทุนให้นักเรียนนักศึกษากู้ยืมเงินเรียน ว่า ขณะนี้คณะทำงานที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งขึ้น ได้ศึกษาข้อดีข้อเสียของกองทุน กรอ.และกองทุน กยศ. ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปการดำเนินงานที่เหมาะสมของทั้ง 2 กองทุน โดยคาดว่าเป็นลักษณะให้กู้แบบคู่ขนานทั้งสองกองทุน เน้นพิจารณาปล่อยกู้ตามสาขาที่ตลาดแรงงานขาดแคลน ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาว่ามีสาขาใดบ้าง และจะประกาศให้สถานศึกษาและนักเรียน นักศึกษารับทราบ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะได้ข้อสรุปการดำเนินงานของทั้งสองกองทุนประมาณสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้ทันเปิดเทอมภาคเรียนที่1/2551

อพท.และมูลนิธิ ICEF ลงนามร่วมมืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล

Filed under: 1 — accomthailand @ 23:54

อพท.และมูลนิธิ ICEF ลงนามร่วมมือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล พร้อมกับจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูแนวปะการังในบริเวณที่เสื่อมโทรม 2 แห่ง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ก่อนลงดำน้ำดูปะการังของจริง
วันนี้ (22 มี.ค.51) ที่เกาะหวายปะการัง รีสอร์ท ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด นายวรสิทธิ์ โรจนพานิช ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. และ ดร.คริสโตเฟอร์ คิม เป็นประธานมูลนิธิ ICEF ได้ร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลง เพื่อร่วมมือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล แนวปะการังอย่างเหมาะสม ด้วยความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว โดยบันทึกข้อตกลงดังกล่าว รวมถึงการตั้งศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูแนวปะการังในบริเวณที่เสื่อมโทรม เช่น เกาะหวาย เกาะรัง เกาะเทียน เกาะยักษ์ เกาะตุ่น เป็นต้น
ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูแนวปะการังในบริเวณที่เสื่อมโทรม ตั้งอยู่ที่ศาลากลางน้ำที่เกาะหวาย และอีกแห่งที่อยู่ที่บริเวณเกาะรัง โดย อพท.ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณและอุปกรณ์ เพื่อฝึกอบรมและให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวก่อนเดินทางไปดำน้ำดูปะการัง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ปะการังทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยผู้ที่ผ่านการอบรมจากศูนย์ฯ จะได้รับประกาศนียบัตรจาก อพท. และมูลนิธิ ICEF เพื่อยืนยันว่าผ่านการอบรมเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติใต้ทะเลก่อนจะดำดูปะการังของจริง

ชวน ถาม นายกฯสมัคร ว่าใครเป็น โม่ง ชักใยยุบพรรค อย่าพูดกำกวม

อย่าพูดส่งเดชกล่าวหามี”ไอ้โม่ง”ชักใยอยู่เบื้องหลังยุบพรรคพลังประชาชน อย่าพูดกำกวมให้คนสงสัยต้องกล้าพูดออกมาว่าเป็นใคร ชี้ที่ผ่านมาไม่เคยยอมรับความจริงดีแต่โทษคนอื่น หรือโทษกฎหมาย เตือนนายกฯ-มท.1 อย่ากลัวตายจนลืมหน้าที่

วันนี้(22 มี.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการความผิดของกรรมการบริหารพรรค ว่า เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้แนวทางไปแล้ว ซึ่งหากจะมีการศึกษาไว้ก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี และดูเวลาที่เหมาะสมในการแก้ไข อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับนี้มองได้ 2 ด้าน ด้านดี คือบางมาตรามีความเข้มงวดจนพรรคการเมืองต้องระมัดระวังตัวมาก โอกาสพลาดพลั้งเกิดได้ง่าย เพราะจะเป็นเรื่องที่กรรมการบริหารมักไม่ค่อยรู้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นช่องทางให้คนขี้โกงใช้โอกาสนี้ไปตายเอาดาบหน้าแล้วไปวิ่งเต้นภายหลัง ซึ่งก็แล้วแต่คนมอง แต่วันนี้ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง ถ้ามีปัญหาก็ต้องดำเนินตามกฎหมาย และถ้าเห็นว่าเข้มงวดก็ต้องแก้ไขในภายหลัง ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีความพยายามที่จะยุบพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายชวน ขอให้นายกรัฐมนตรีระบุให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เมื่อกล้าพูดก็ต้องกล้าระบุว่าเป็นใคร คิดว่าปัญหาขณะนี้พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลไม่รู้จะโทษใคร ไม่โทษตัวเอง โทษกฎหมาย และกล่าวหาว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง เชื่อว่าความคิดที่องค์กรต่าง ๆ จะกลั่นแกล้งขณะนี้ไม่มี

“ปัญหาอยู่ที่ว่าเขาทำขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ต้องทบทวนเอง ถ้าถูกกฎหมายใครจะไปแกล้ง เพราะไม่เช่นนั้นคนแกล้งก็มีโอกาสถูกดำเนินคดีเหมือนกัน นายกฯ สมัครพูดลับลมคมใน พูดให้เกิดความระแวงผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย คิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องการปัดการกระทำตัวเองมากกว่า ตอนนี้ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ต้องรักษากฎเกณฑ์ของบ้านเมืองไว้ก่อน แต่ถ้าเห็นว่ากฎหมายเข้มงวดเกินไปก็มาหารือแก้ไขกันต่อไป” นายชวน กล่าว

นายชวน ปฏิเสธไม่ให้ความเห็นเรื่องการยุบพรรคพลังประชาชน เพราะยังไม่ถึงเวลา เนื่องจากเรื่องที่ค้างอยู่คือ กรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร และเรื่องของสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ถูกตัดสินคดีจำคุกไปแล้ว ดังนั้น ทั้ง 2เรื่องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจัดตั้งรัฐบาล ก่อนหน้านี้ เรายังคิดว่ารัฐบาลกล้ามากที่แต่งตั้งคนเหล่านี้ เพราะมีคดีมาก่อน ไม่ใช่อยู่ในตำแหน่งแล้วมามีคดี ดังนั้น การเมืองที่ยังไม่จบสาเหตุไม่ได้เกิดจากเรื่องกฎหมาย แต่เกิดจากพฤติกรรมที่เกิดก่อนเลือกตั้งด้วย

นอกจากนี้ นายชวนยังกล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลว่า ยังไม่มีความชัดเจน เพราะยังมีหลายเรื่องที่รัฐบาลยังไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น เชื่อว่ายังอาจอยู่ในขั้นศึกษา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ข้อมูลและข้อเสนอในการแก้ปัญหาแก่รัฐบาลไปแล้ว และการที่ถูกมองหัวหน้ารัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่กล้าลงพื้นที่ ทำให้คนที่อยู่ในพื้นที่ก็มองด้วยความกลัวเช่นกัน

“ผมเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทยย่อมมีความกลัว แต่เห็นว่าความกลัวต้องไม่สำคัญไปกว่าหน้าที่ความรับผิดชอบ เราต้องตัดความกลัวไป แต่ถ้าไปในพื้นที่แล้วต้องมีเจ้าหน้าที่นับพันคนมาดูแลก็ไม่สมควร ต้องไปแบบธรรมดา ถ้าต้องขนมาทั้งจังหวัด กลัวถึงขนาดนั้นอย่าไปดีกว่า ผมเห็นใจนะ แต่การทำแบบนี้ทำให้รู้สึกเห็นใจคนที่เขาทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่มากกว่า การที่ระดับบริหารกลัวขนาดนั้น แล้วชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จะกลัวขนาดไหน เหตุอะไรจะเกิดมันไม่แน่นอน บังเอิญโชคร้ายก็ตูมได้ แต่ผู้ใหญ่ไปไม่มีหรอก เพราะเจ้าหน้าที่เขาจะตรวจแล้วอย่างดี แต่หากต้องใช้กำลังมาดูแลมากเหมือนสมัยอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่าไปดีกว่า” นายชวน กล่าว

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000034680

พวกคิดแก้รธน.เห็นแก่ตัว

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000034672
อดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญชี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์เฉพาะบางพรรคดิ้นหนีคดียุบพรรคคงทำไม่ง่ายอย่างที่คิด ขณะที่ ประธานวุฒิสภาระบุเป็นเรื่องของสภาผู้แทนฯเป็นผู้พิจารณา

วันนี้(22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันพระปกเกล้าฯ ได้จัดสัมมนาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่โรงแรมอามารี ออคิด รีสอร์ท แอนด์ทาวเวอร์ จ.ชลุบรี โดย นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวเปิดสัมมนาว่าการสัมมนาครั้งนี้เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภารับทราบปัญหาอุปสรรคในการทำงานและการทำหน้าที่ รวมถึงให้สมาชิกได้ทำความรู้จักกัน ซึ่งจากการเดินทางมาร่วมกันเห็นว่าสมาชิกได้ทำความรู้จักกันเป็นอย่างดี ขณะนี้ภาพ ส.ว.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้ง แทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว ทั้งนี้เห็นได้จากการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ที่มีการแต่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุม ไม่มีความขัดแย้ง เพราะสมาชิกทุกคนต่างมาทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ

ประธานวุฒิสภา ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนเตรียมเสนอญัตติศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่ทราบเรื่อง จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร หากเห็นว่าควรแก้ไข วุฒิสภาก็พร้อมดูในรายละเอียด

เมื่อถามว่า ความพยายามเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาจากพรรคพลังประชาชน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อแก้วิกฤติเรื่องการยุบพรรค ประธานวุฒิสภา กล่าวว่าหากสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่าเหมาะสมก็สามารถทำได้ ส่วนขณะนี้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสภาล่าง หากเห็นว่าสมควรสภาสูงก็พร้อมพิจารณา

ด้าน นายนรนิติ เศรษฐบุตร อดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ปฏิเสธให้ความเห็น โดยกล่าวเพียงว่า หากพูดอะไรคงไม่มีใครฟัง จึงให้ความเห็นอะไรไม่ได้ ใครพยายามจะแก้ไขก็ให้แก้ไป ส่วนจะมีพรรคการเมืองหนึ่งแก้เพื่อประโยชน์ของตนหรือไม่ คิดว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายอย่างที่ใครคิด

พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี บอกว่าหากมีการยุบพรรคการเมืองอีกจะส่งผลกระทบต่อความเสียหายของประเทศทางด้านเศรษฐกิจว่า รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเขียนไว้ชัดเจน หากเห็นว่าคณะกรรมการบริหารพรรคพรรคการเมืองใดทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พรรคการเมืองต้องถูกยุบด้วย ซึ่งตนเชื่อว่าการสอบสวนของกกต.ไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะยุบพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่พิจารณาในลักษณะการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนจะชิงยุบสภาเพื่อไม่ให้พรรคถูกยุบนั้น ถามว่าจะยุบสภาทำไม เพราะพรรคไหนถูกยุบก็ตั้งพรรคใหม่ได้ หรือสมาชิกไปหาพรรคสังกัดใหม่ได้ ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจคงมีไม่มาก


“ประสงค์”เฉ่งพวกคิดแก้รธน.เห็นแก่ตัวซัด”หมัก”พูดทุเรศ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000034631
“ประสงค์” เฉ่งนักการเมืองคิดแก้รัฐธรรมนูญเห็นแก่ตัวเอาตัวรอด
ทำผิดแล้วถูกจับได้นอกจากไม่ยอมรับแล้วยังมาคิดแก้กติกาอีก พรรคการเมืองประเภทนี้สมควรถูกยุบ อัด “หมัก” พูดทุเรศเปรียบ “พรรคพลังแม้ว”เหมือนประเทศ จับบ้านเมืองเป็นตัวประกัน วันนี้(22 มี.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวในรายการเมืองไทยสุดสัปดาห์ ทางคลื่นวิทยุ 98.0 เมกกะเฮิรตซ์ ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการยุบพรรคว่า สะท้อนให้เห็นความนึกคิดของนักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ส่วนพวก ส่วนพรรคของตนเป็นใหญ่ การเขียนรัฐธรรมนูญเรื่องการยุบพรรค หากไม่มีการไปทำผิด ทำตามกติกา อ่านให้เข้าใจ รัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค เพื่อให้เกิดความหวาดกลัว เกรงกลัวการกระทำผิด หากนักการเมืองพรรคไหนไม่กระทำผิด ก็ไม่ควรจะเดือดร้อนน.ต.ประสงค์ กล่าวเปรียบเทียบว่า เหมือนคณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกันในสิ่งที่กำหนดออกไป พรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรค มีอำนาจหน้าที่ไม่เหมือนสมาชิกพรรคทั่วไป กรรมการบริหารพรรคกำหนดทิศทาง กำหนดนโยบาย ส่งใครลงไม่ลงเลือกตั้ง ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน หากบอกว่า การกระทำผิดเป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล ก็ควรไปเป็นส.ส.ธรรมดาและว่า หากมีการทุจริต ถูกจับได้ ก็ต้องเป็นไปตามกติกา หากเขียนกติกาแล้วไม่เคารพ บ้านเมืองก็อยู่กันไม่ได้

อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นเวรกรรมที่บ้านเมืองนี้ มีนักการเมืองประเภทนี้อยู่ ไม่ใช่เวรกรรมของประเทศกรณียุบพรรค หากพรรคการเมืองไม่ดี พรรคทำความเสียหาย ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ตนคิดว่า ยุบไปเสียได้ก็ดี พรรคที่ทำถูกต้องชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย ไปยุบได้อย่างไร ควรส่งเสริมสนับสนุน

น.ต.ประสงค์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เปรียบการยุบพรรคการเมือง เหมือนเป็นการทำให้ประเทศนี้ตาย ว่า เป็นการเปรียบเทียบที่ทุเรศ เอาพรรคไปเปรียบเทียบกับประเทศได้อย่างไร พรรคการเมืองไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นกลุ่มการเมืองที่เข้ามาทำการเมือง อย่าไปยกตัวเสมอ ว่า พรรคของตัวเหมือนประเทศชาติ เป็นคำเปรียบเทียบที่ไม่ถูก

ส่วนการยุบพรรคการเมืองทำให้ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศลดลง นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า การเมืองนิ่งหรือไม่นิ่ง อยู่ที่นักการเมือง นักการเมืองมีหน้าที่ทำให้พรรคการเมืองโปร่งใส บริหารประเทศแบบธรรมาภิบาล เคารพนิติธรรม นิติรัฐ โยงการเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจไม่ดี เพราะพวกคุณไม่นิ่งกันเอง อ้างอย่างนั้นไม่ได้ คาดไม่ถึง คนที่ก้าวมาถึงระดับตำแหน่งอย่างนี้แล้ว จะนึกถึงตัวเองเป็นเรื่องใหญ่ จับเศรษฐกิจมาเป็นตัวประกัน จับประเทศชาติมาเป็นตัวประกัน คนเหล่านี้หากไม่เปลี่ยนนิสัย พฤติกรรม ควรไปประกอบอาชีพอื่น

ระดับน้ำใน แม่น้ำเหลือง ของจีน สูงล้นฝั่ง


ระดับน้ำใน แม่น้ำเหลือง ของจีนที่สูงล้นฝั่งทำให้ กำแพงกั้นน้ำพัง น้ำไหลท่วมเมือง ตูกุยตาลา ในเขต มองโกเลียใน (Inner Mongolia) เมื่อวานนี้ ส่งผลให้ประชาชนอย่างน้อย 10,000 คน ต้องละทิ้งบ้านเรือนหนี น้ำท่วม ไปอาศัยในแถบทะเลทราย ที่อยู่ใกล้เคียง
<

ขณะนี้ทางการจีนต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 170 คน เร่งซ่อมแซมกำแพงกั้นน้ำ และให้ความช่วยเหลือ ประชาชน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของจีนกล่าวว่า ระดับน้ำเริ่มเอ่อล้นตลิ่งตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา โดยสาเหตุสำคัญ มาจาก


การละลายอย่างรวดเร็ว ของ ธารน้ำแข็งในแถบเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า ธารน้ำแข็งที่ละลายจากเทือกเขาแห่งนี้ เพราะ ภาวะโลกร้อน จะทำให้เกิดน้ำท่วมหนักยิ่งขึ้น ในแถบที่ มีน้ำสายนี้ ไหลผ่าน.


จาก ช่าวของ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

จีนระบุมีผู้เสียชีวิต 19 คน จากเหตุจลาจลในทิเบต เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


สำนักข่าวซินหัว
รายงาน แถลงการณ์ของรัฐบาลทิเบต ซึ่งระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 19 คน จากเหตุจลาจลในทิเบต เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 1 นาย ส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นพลเรือน


นอกจากนี้ยังมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 382 คนและอาการสาหัสเกือบ 58 คน ส่วนตำรวจได้รับบาดเจ็บ 241 นาย และ อาการสาหัส 23 นายในเหตุจลาจลดังกล่าว จนถึงเมื่อวานนี้มีผู้ก่อเหตุจลาจล เข้ามอบตัว กับทางการแล้ว 183 คน


ก่อนหน้านี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 13 คน แต่รัฐบาลทิเบตพลัดถิ่นอ้างว่า มีผู้เสียชีวิตมากถึง 100 คน จากการที่จีนใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการปกครองของจีนในทิเบต ส่วนชาวทิเบตในมณฑลเสฉวน เชื่อว่า ตำรวจได้ยิงผู้ประท้วงหลายคนระหว่างเกิดเหตุจลาจลต่อต้านจีนในสัปดาห์นี้


เรียบเรียงจาก ช่าวของ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

เรือรบศรีลังกาถูกระเบิดทำลาย


โฆษกกองทัพเรือศรีลังกาแถลงว่า เรือของกองทัพเรือลำหนึ่งถูกทำลาย หลังถูกกับระเบิดในทะเล ขณะปฏิบัติภารกิจ ออก ค้นหาสมาชิกกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ทำให้กลาสีเรือ 10 นาย สูญหายไป


ขณะที่ฝ่ายกบฎกล่าวว่า เกิดการยิงปะทะกัน หลังจมเรือของกองทัพเรือศรีลังกาด้วยการใช้มือระเบิดฆ่าตัวตาย 3 คน แต่โฆษกกองทัพเรือศรีลังกาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการเผชิญหน้ากันแต่อย่างใด.


ช่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

จีน ยืนยันจะปราบปรามกลุ่มต่อต้านจีน ในทิเบต


หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี รายงานวันนี้ว่า กลุ่มต่อต้านการปกครองของจีนในทิเบตจะต้องถูกปราบปราม พร้อมทั้ง ปฏิเสธ ข้อเรียกร้องที่จะให้เปิดการเจรจากับ องค์ดาไล ลามะ ผู้นำด้านจิตวิญญาณของทิเบต
 
รายงานระบุว่า จีนต้องปราบปรามการสมรู้ร่วมคิดก่อวินาศกรรม รวมทั้งกองกำลังเรียกร้องเอกราชทิเบต ทั้งนี้จีน กล่าวหาว่า องค์ดาไล ลามะ เป็นผู้บงการก่อความไม่สงบในทิเบต เพื่อทำลายการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิก ของจีน


จาก ช่าวของ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

พายุโซนร้อนพัดกระหน่ำ บังกลาเทศ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน

พายุโซนร้อนพัดกระหน่ำพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบังกลาเทศ ในวันนี้ ส่งผลให้เกิดฟ้าผ่าและลมกระโชกแรง สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนประชาชนประมาณ 3,000 หลัง ในหมู่บ้าน 4 แห่ง นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน ทั้งนี้เป็นเรื่องปกติที่พายุจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ของปีในบังกลาเทศ

Next Page »

Blog at WordPress.com.