Accom Thailand

March 7, 2008

ประชาชน ลงลายมือชื่อเพื่อยื่นถอดถอน นายไชยา สะสมทรัพย 2 วัน ทะลุเกิน 2 หมื่น


ข้ามไป อ่านข่าว หรือ
เปิดวินโดว์ใหม่ เพื่อ อ่านข้อมูล และ ดาวน์โลดแบบฟอร์มได้ ที่

ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
แหล่งรวมข้อมูลว่าด้วยเรื่องการใช้มาตรการใช้สิทธิตามสิทธิบัตร CL (Compulsory License)
ดาวน์โลดแบบฟอร์ม ผู้จัดการออนไลน์
ดาวน์โลดแบบฟอร์ม หนังสือลงลายมือชื่อ
ดาวน์โลดแบบฟอร์ม ร่างคำกล่าวหารัฐมนตรี


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีต สสร. ชี้ช่องถอน ‘ไชยา’ ดึงส.ส.-ส.ว. เสนอ ปธ.สภา ย้ำ ขัด รธน. ม.266


เครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งทำงานด้านการสนับสนุนการเข้าถึงยาที่จำเป็น ของประชาชน ขอเชิญคนไทยทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการลงนามขับไล่ นายไชยา สะสมทรัพย์ ออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข


นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงเหตุผล 4 ข้อ ในการถอดถอนรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า การกระทำของนายไชยาเข้าข่ายให้รัฐเสียหาย โดยเฉพาะการประกาศทบทวนซีแอลยารักษาโรคมะเร็ง 4 รายการ ทำให้บริษัทยาอ้างว่า ไทยประกาศซีแอลอย่างไม่สมบูรณ์ในกรณียาสลายลิ่มเลือดหัวใจ โคลพิเกรล และ กลัวถูก ฟ้องร้อง ทำให้บริษัทคาดิลาของอินเดียขอปรึกษานักกฎหมายและชะลอการนำเข้ายา 2.1 ล้านเม็ด เป็นเวลา 1 เดือน มีมูลค่าความเสียหายต่อรัฐขั้นต่ำ 248,378,550 บาท ขณะที่มี ผู้ป่วยในระบบหลักประกัน 164,500 คน ที่ต้องได้รับ ยาโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ทั้งนี้ การทบทวนการทำซีแอล เป็นการกระทำ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมาย


นอกจากนี้ นายไชยา ยังไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการคุ้มครองประโยชน์ผู้ป่วยและผู้บริโภค แต่กับมีพฤติกรรม เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูประบบสุขภาพ ทั้งนี้ นับว่า รมว.สธ.ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง ทั้งในด้านกฎหมาย และจริยธรรม สมควรที่วุฒิสภา จะดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่ง
สำหรับเอกสาร การถอดถอนนายไชยานั้น เป็นแบบฟอร์มการลงลายมือชื่อ เพื่อขอให้วุฒิสภาถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์ โดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา164 โดยการลงลายมือชื่อให้ ประธานวุฒิสภา มีมติตามมาตรา 274 ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา 270 ออกจากตำแหน่งได้


signผ่านไปเพียงแค่ 2 วัน ปรากฏว่า มีประชาชนนับพันคน ต่างเดินทางมา ยื่นความจำนง ขอร่วมลงชื่อถอดถอน รมว.สาธารณสุข ออกจากตำแหน่ง เผยข้าราชการระดับ รองอธิบดี ยังร่วมเซ็น ขณะที่ยอดดาวน์โหลดแบบฟอร์ม ล่ารายชื่อ ผ่านเว็บไซด์ http://www.cl4life.net ในวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม วันเดียวเกิน 2 หมื่น ครั้งแล้ว ด้านภาคประชาชนกระจายลงพื้นที่ ปูพรมเปิดโต๊ะ ล่าชื่อทั่วประเทศทันที


น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยความคืบหน้า การล่ารายชื่อถอดถอน


นายไชยา สะสมทรัพย์ ออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ว่า ตั้งแต่วันที่ 6 -7 มี.ค. มีผู้มาร่วมลงชื่อแล้วไม่น้อยกว่า 2 พันราย ซึ่งมีทั้งประชาชนทั่วไป แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ข้าราชการ โดยมีข้าราชการระดับรองอธิบดี 2 ราย โดยผู้มาลงชื่อ ส่วนหนึ่งเดินทางมาแสดงความเจตจำนงด้วยตัวเอง ที่สำนักงานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ขณะที่อีกส่วนหนึ่ง เป็นการร่วม ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อจากกลุ่มสนับสนุนในจังหวัดต่างๆ ขณะที่ประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากจะร่วมลงชื่อถอดถอนแล้ว ยังสนับสนุนการจัดพิมพ์เอกสาร การล่ารายชื่ออีกจำนวนนับหมื่นชุด

แจงย้ายเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นคำขอของนาย สุนัย มโนมัยอุดม

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
“สุนัย” เตรียมงาน ป.ป.ท.!


sunai_phokaiudom
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แจงกรณีการโยกย้าย เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 31 คน
เป็นคำขอร้อง ของ นายสุนัย มโนมัยอุดม เอง เพื่อต้องการนำเจ้าหน้าที่ไปทำงานใน
สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)
ให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น


นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวชี้แจงกรณีการ โยกย้ายเจ้าหน้าที่
ของ ดีเอสไอ หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 31 คนว่า เป็นคำ ขอร้อง ของ นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาการแทน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 31 คนไปช่วยงาน โดยยืนยันว่า ไม่มีเงื่อนไขของ การพิจารณาคดี ที่เกี่ยวข้องกับ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เป็นคนลงนามสั่งย้าย เป็นหน้าที่ของ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมเปิดเผยว่า อาจมีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่จาก ดีเอสไอ เพิ่มขึ้นอีก เนื่องจาก ป.ป.ท. เพิ่งเริ่มต้นทำงานต้องอาศัยกำลังเจ้าหน้าที่ในการบุกเบิก

สำหรับการตั้งข้อสังเกตของ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของทนาย สมชาย นีละไพจิตร ที่ต้องการให้ลด สัดส่วน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจใน ดีเอสไอ เพื่อความเป็นธรรมในการดำเนินคดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน ก็สามารถทำหน้าที่ใน ดีเอสไอ ได้ เพียงแต่ต้องมีความสามารถ และยืนยันว่า ทุกคน สามารถดำเนินคดีด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

หลังเปิดคลินิกเยียวยาฯมีผู้ได้รับผลกระทบใช้บริการแล้วกว่า 100 ราย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รับมอบตัว 80 แนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ
นายอำเภอยะหา จังหวัดยะลา เผย ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ปี



ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เผยหลังเปิดคลินิกเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ 3 เดือน พบมีผู้ได้รับผลกระทบมาใช้บริการแล้วกว่า 100 ราย ขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาทำได้แล้วกว่าร้อยละ 99


นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยภายหลังเดินทางไปมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา สิบตำรวจตรีชัยวัฒน์ ชัย และสิบตำรวจเอกสถาพร แก้วสีขาว อายุ 32 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายซุ่มยิงที่อำเภอรามัน จังหวัดยะลา และพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ว่า


จังหวัดยะลาพร้อมดูแลช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น และนอกจากให้การช่วยเหลือในเรื่องเงินและอาชีพแล้ว


จังหวัดยะลายังเปิดคลินิกเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ซึ่งพบว่าหลังเปิดให้บริการเป็นระยะเวลา 3 เดือน มีผู้ได้รับผลกระทบเข้าไปใช้บริการแล้วกว่า 100 ราย ส่วนใหญ่เป็นหญิงหม้ายที่ต้องสูญเสียสามีจากเหตุการณ์ความไม่สงบ


ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบนั้น ขณะนี้จังหวัดได้เปิดศูนย์รับความช่วยเหลือในทุกอำเภอ และ ทุกสถานพยาบาล เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือมีความรวดเร็วขึ้น ซึ่งขณะนี้การช่วยเหลือเยียวยาได้ดำเนินการไปแล้วถึงร้อยละ 99 และหากใครที่ได้รับผลกระทบ แล้วยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาขอให้ไปติดต่อที่ศูนย์เยียวยาระดับจังหวัด และอำเภอได้

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

สตช. เตรียมฝากขังอดีต KGB – Thais Nab So-Called ‘Merchant of Death’

สตช.เตรียมฝากขังอดีต KGB หัวหน้ากลุ่มค้าอาวุธให้ผู้ก่อการร่ายทั่วโลกที่ศาลอาญา
(ข่าวอยู่ใต้ภาพ)

Profile: Viktor Bout

Russian businessman Viktor Bout – currently in custody in Thailand and wanted in the US – is widely regarded as one of the world’s leading arms smugglers.
A former Soviet officer, he launched into a new career after the fall of the USSR, reportedly selling weapons to countries under UN embargo.
Read Viktor Bout’s Profile article from BBC

The mysterious ‘Merchant of Death’

The name Victor Bout first came on my radar in the late 1990s when, in my job as a BBC reporter in Africa, I found myself spending an inordinate amount of time with soldiers.
Read Mark Doyle’s report from BBC (September 2007)

US Seeks Weapons Suspect’s Extradition

Thais Nab So-Called ‘Merchant of Death’

Read full article from myway.com ! (External Link will opened new window.)



BANGKOK, Thailand (AP) – The U.S. is seeking the extradition of a suspected Russian arms dealer dubbed the “Merchant of Death,” but for now he will remain in Thailand, where authorities are investigating if he used the country as a base to negotiate a weapons deal with terrorists, officials said Friday.

Viktor Bout, a 41-year-old whose dealings reportedly inspired a 2005 movie about the illicit arms trade, is accused of running weapons to al-Qaida, the Taliban and parties involved in bloody conflicts across Africa. He was arrested at a Bangkok hotel after a four-month sting operation by the U.S. Drug Enforcement Administration, Thai and U.S. authorities said.

“He is called the ‘Merchant of Death’ and ‘Man of War’ for a reason,” Thomas Pasquarello, regional director of the DEA, said in Bangkok.

Victor KGBVictor KGB_2


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงการณ์จับกุมอดีน KGB หัวหน้ากลุ่มค้าอาวุธให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายทั่วโลก โดยใช้ไทยเป็นฐานเจรจาการค้าอาวุธ ขณะที่ตำรวจเตรียมนำตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลอาญา

Victor-3
พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากฝ่ายปฏิบัติการต่อต้าน การก่อการ ร้าย ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (DEA) แถลงผลการจับกุม นายวิกเตอร์ อนาโตลเลวิช บูท อดีตนายทหารยศ พันตรี ประจำหน่วยสืบราชการลับ หรือ KGB ซึ่งเป็นผู้ต้องหา รายสำคัญที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ติดตามตัวมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี ซึ่งจากการข่าว ทราบว่า นายวิกเตอร์ จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ระหว่างวันที่ 3-13 มี.ค. เพื่อจัดหาอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดให้กับ กลุ่มผู้ก่อ การร้ายในประเทศโคลัมเบีย (กลุ่ม FARC) และ นายวิกเตอร์ ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยจริง เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ ผ่านมา และเข้าพักที่ โรงแรม โซฟิเทล เจ้าหน้าที่ กองปราบ จึงเข้าจับกุมตัว


โดยภายในวันพรุ่งนี้ ตำรวจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง ที่ศาลอาญา จากนั้นจะสอบสวนร่วมกับ DEA ว่าผู้ต้องหา เข้ามา ใน ประเทศได้อย่างไร มีจุดประสงค์อะไร จะเป็นเพียง การเข้ามา เพื่อใช้เป็นฐานเจรจาการค้าอาวุธ หรือมี จุด ประสงค์ อื่นแอบแฝง ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหายัง ไม่ได้ให้ปากคำ เพิ่มเติม และ ยังไม่พบคนไทยเข้าร่วม ขบวนการ อย่างไรก็ตาม หากศาลพิพากษาโทษตามหมายจับ ในความผิดฐานจัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินเพื่อการ ก่อการร้ายแล้ว ผู้ต้องหาต้องรับโทษตามกฏหมายในไทย


หลังจากนั้น องค์กรตำรวจสากล เพื่อประเทศ ที่ ผู้ต้องหากระทำผิด และ มีหมายจับ อาจจะประสานขอ อายัด ตัว ส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดี ในภายหลัง.

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

นายอำเภอยะหา จังหวัดยะลา เผย ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ปี

เรื่องที่เกี่ยวข้อง รับมอบตัว 80 แนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ



นายอำเภอยะหา จังหวัดยะลา เผย ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ปี ในการชี้แจง ทำความเข้าใจกับแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบให้ออกมารายงานตัว


นายอำเภอยะหา จังหวัดยะลา เผย ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ปี ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับ แนวร่วม กลุ่มก่อความ ไม่สงบ ให้ออกมารายงานตัวเพื่อพัฒนาพื้นที่ พร้อม มั่นใจสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จะลดลงอย่างแน่นอน


นายศุภนัติ สิรัญทวิเนติ นายอำเภอยะหา กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ทางอำเภอยะหา ได้เข้าไปทำ ความเข้าใจ เกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กับผู้นำศาสนา และ ประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด โดยยึดแนวทางของผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ในการเสริมสร้างความเข้าใจ ลดความหวาดระแวง และ สร้างความ ยุติธรรม ควบคู่กับการดำเนินยุทธการ การเมืองนำการทหาร ซึ่งนอกจากการเข้าไปเสริมสร้างความเข้าใจกับประชาชน ในพื้นที่แล้ว ขณะเดียวกันหน่วยกำลังทั้งทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ก็ได้เข้าไปปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อย่างต่อเนื่อง เพื่อกดดันกลุ่มก่อความไม่สงบไม่ให้ขยายอิทธิพลได้ จนสามารถจับกุม และ ควบคุมตัวแกนนำกลุ่ม ก่อความไม่สงบได้หลายคน และแกนนำเหล่านี้ ก็ได้มีการซัดทอดไปถึงหัวหน้าใหญ่ คือ นาย มะแอ ยูโซะ และได้ เชิญ ไปตรวจสอบประวัติ จนให้การรับสารภาพ และยอมที่จะออกจากกระบวนการ ซึ่งกว่าจะมาถึงขั้นตอนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามในการเสริมสร้างความเข้าใจ ปรับทัศนคติให้เกิดความเชื่อมั่นในอำนาจรัฐ โดยใช้ระยะ เวลานานกว่า 1 ปี


จากนั้นแกนนำคนดังกล่าว ก็ได้เข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับ แนวร่วมในพื้นที่ ให้ออกมารายงานตัว เพื่อแสดงตน เป็น ผู้ร่วมพัฒนา อำเภอยะหา โดย ครั้งแรกเมื่อปี 2550 ได้มีกลุ่มแนวร่วมทั้งชายและหญิง ในพื้นที่ ตำบลปะแต ออกมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่จำนวน 126 คน


ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2551 ได้มีกลุ่มแนวร่วมจากบ้าน อุเบง มาแบ ต. ปะแต ออกมารายงานตัวจำนวน 122 คน และ


ครั้งที่ 3 ในวันที่ 7 มีนาคม 2551 อีก 80 คน จากม.1 บายอ มีทั้งกลุ่ม อุลาเมาะ อาเยาะ อาเคเค ซึ่งนำโดย นายมะแอ ยูโซ๊ะ รวมทั้ง 3 ครั้ง จำนวน 328 คน จากตัวเลขการออกมารายงานตัวทั้ง 3 ครั้งนั้น เชื่อมั่นได้ว่า น่าจะ ทำให้สถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่ดีขึ้น และ


ที่ผ่านมาหลังการออกมารายงานตัวของกลุ่มก่อความไม่สงบ พบว่าได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น 2 ครั้ง แต่ก็ สามารถ จับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ และคาดว่าน่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นอีก หากชาวบ้านหันมาให้ ความร่วมมือ อย่างจริงจัง แต่อย่างน้อย ต้องใช้เวลาในการปรับแนวความคิด


ส่วนกลุ่มผู้หลงผิดที่ยังไม่ออกมารายงานตัวและเคลื่อนไหวในพื้นที่ ยังคงมีอีก 2 – 3 กลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็น กำลังติดอาวุธ และมี หมายจับตาม ป. วิอาญา แต่อย่างไรก็ตาม หากพวกที่ยังหลบหนีอยู่ ได้มีการติดต่อกับพ่อ แม่ และญาติ เพื่อเข้ารายงานตัว ทางราชการก็พร้อมจะให้ความยุติธรรม


นายศุภนัฐ สิรัณทวิเนติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางศอ.บต.ได้อนุมัติงบประมาณ เพื่อนำผู้ที่ออกมารายงานตัว ไป ศึกษา ดูงาน ที่ กทม. และ เชียงใหม่ เพื่อให้รู้ว่าชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามมีอยู่ทั่วประเทศไทย แต่ทุกคนสามารถ อยู่ร่วมกัน อย่างมีความสุขได้ ซึ่งการเดินทางไปดูงานดังกล่าวจะได้มีการเปลี่ยนแปลง ทัศนคติของกลุ่ม บุคคลเหล่านี้ได้ และในส่วนของจังหวัดยะลานั้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ประชุมเพื่อทำประชาคม เพื่อรับทราบความต้องด้านการประกอบอาชีพของกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อให้เขามายได้ ในการดูแลครอบครัวต่อไป

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

รับมอบตัว 80 แนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ

ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา รับมอบตัว 80 แนวร่วม
กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
ตรวจสอบพบเป็น แกนนำจัดตั้งระดับนายอำเภอ


ที่ศาลาประชาคมอำเภอยะหา จังหวัดยะลา นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีรับ มอบตัวกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา จำนวน 80 คน โดยมี นายเดชรัฐ สิมศิริ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดยะลา นายศุภนัฐ สิรัณทวิเนติ นายอำเภอ ยะหา และ พันโท วรเดช เดชรักษา ผู้บังคับหน่วย เฉพาะกิจ ยะลาที่ 14 เป็นสักขีพยานในการรับมอบตัวในครั้งนี้


ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ในการรับมอบตัวกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการปฏิบัติงานที่ เข้าถึงมวลชน ของเจ้าหน้าที่ ทุกฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครองที่มีการประสานกำลังกันอย่างเต็มที่ ทั้งการปิดล้อม ตรวจค้น เพื่อกดดันกลุ่มก่อความไม่สงบ และทำงานด้านมวลชนที่แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง ของอำนาจรัฐที่สามารถปกป้องประชาชนในพื้นที่ได้


และจากการตรวจสอบแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบที่ออกมารายงานตัวในครั้งนี้พบว่า มีแกนนำจัดตั้งระดับหมู่บ้าน จำนวน 3 คน คือ นายลีเป็ง กูนิง , นายยา ดออิ , นายแวสอเหาะ สีเด๊ะ และ มีแกนนำจัดตั้งระดับนายอำเภอ 1 คน คือ นายมแอ ยูโซ๊ะ ซึ่งเป็น บิหลั่นมัสยิดบ้านเจ๊าะกือเด๊ะ และ ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแลประชาชนในพื้นที่ ให้ต่อต้านอำนาจรัฐทุกรูปแบบ และ ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบทุกด้าน


สำหรับการออกมารายงานตัวของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ อำเภอยะหาครั้งนี้ บาบอเซ็ง ซึ่งเป็นตัวแทนจาก คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา ได้ทำพิธีถอนซูมเปาะ ให้กับผู้ที่ออกมารายงานตัวทั้ง 80 คน และจากนั้น ทาง เจ้าหน้าที่รัฐจะได้เข้าไปเสริมสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น เพื่อให้กลุ่มแนวร่วมเหล่านี้มีทัศนคติที่ดี และหันมา พัฒนา พื้นที่ต่อไป

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

สว.แสดงตน วันสุดท้าย ต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เกือบครบแล้ว

สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งทยอยเข้าแสดงตน
ต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาอย่างต่อเนื่อง
โดยตั้งแต่ ช่วงเช้า ที่ผ่านมามีผู้เข้าแสดงตนแล้ว กว่า 20 คน


สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้ง
แสดงตนต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา วันนี้ (7 มี.ค.51) ซึ่งเป็น วันสุดท้าย ที่เปิดให้แสดงตน ปรากฏว่าตั้งช่วงเช้าที่ผ่านมา มีสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการรับรองผลการเลือกตั้ง จากคณะ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ทยอยเดินทางเข้าแสดงตนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีจำนวนกว่า 20 คน แล้ว เช่น

พลตำรวจเอกโกวิท ภักดีภูมิ สว.อ่างทอง นายวิทยา อินาลา สว.นครพนม และนางสาวรสนา โตสิตระกูล สว.กรุงเทพมหานคร นายขวัญชัย พนมขวัญ สว.แพร่ นายเจริญ ภักดีวานิช สว.พัทลุง นางสาวสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ สว.เพชรบุรี และพลตรีกลชัย สุวรรณบูรณ์ สว.ชุมพร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้มีสมาชิกวุฒิสภาเข้าแสดง ตนแล้ว กว่า 60 คน จากที่ กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งจำนวน 70 คน


ขณะเดียวกัน มีความเห็นจากสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระแสข่าวว่าจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาเช่น พลตำรวจเอกโกวิท ภักดีภูมิ สว.อ่างทอง ซึ่งอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า จะไม่เสนอตัวเข้า ชิงตำแหน่งดังกล่าวแต่หากเพื่อนสมาชิกว่าเหมาะสมในตำแหน่งใดก็ยินดีทำหน้าที่เต็มที่ ทั้งนี้เห็นว่า ประธานวุฒิสภา ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพียงอย่างเดียว ต้องมีความรู้ในหลาย ๆ ด้าน และไม่จำเป็นต้องเป็น สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะสมาชิกวุฒิสภาที่มาจาก การสรรหา และแต่งตั้ง ต่างเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถทั้งสิ้น


ส่วน นางสาวรสนา โตสิตะกูล สว.กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ไม่สนใจเรื่องตำแหน่ง แต่ให้ ความสำคัญว่าจะ ทำงาน ส่วนใดแล้วเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ และประชาชน ทั้งนี้เห็นว่าผู้ที่จะดำรง ตำแหน่ง ประธาน วุฒิสภา จะต้องมีความเป็นอิสระ เห็นแก่ประโยชน์ของสังคม มากกว่าประโยชน์ส่วนตัว หรือพวกพ้อง รวมทั้ง ต้องมีวิสัยทัศน์สามารถนำวุฒิสภาเดินหน้าต่อไปได้ตามที่ประชาชนคาดหวัง

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

“สุเมธ ” ระบุ สำนวน “ยงยุทธ” น่าจะแล้วเสร็จสัปดาห์หน้า

สำนวน “ยงยุทธ” น่าจะแล้วเสร็จสัปดาห์หน้า


กกต. ด้านการมีส่วนร่วม ยืนยันไม่มีปัญหาหากมีการเปลี่ยนหน้าที่รับผิดชอบ ขณะที่คาดว่า สำนวน นายยงยุทธ ติยะไพรัช จะแล้วเสร็จ สัปดาห์หน้า


นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึง การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบภายใน กกต. ว่า ไม่มีปัญหา ส่วนตัวพร้อมดูแลงานทุกด้าน ขึ้นอยู่กับที่ประชุม กกต.ทั้งนี้ มองว่า การเปลี่ยนงานกันไม่ใช่ประเด็นสาระ สำคัญ เพราะ กกต.ทุกคน ต้องรับผิดชอบงานทุกด้านร่วมกันอยู่แล้ว


ส่วนการจัดทำสำนวนคำร้องของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งศาลฏีกา ที่หลายฝ่าย มองว่ามีความล่าช้า นายสุเมธ กล่าวว่า กกต.ได้ให้เจ้าหน้าที่จัดทำร่างอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ไม่เคยทำมาก่อน จึงทำให้ล่าช้า แต่คาดว่า สัปดาห์หน้าจะแล้วเสร็จ และเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ได้ทันที


ส่วนการที่จะให้ กกต. ไปเป็นพยานในชั้นศาลนั้น ส่วนตัวไม่มีปัญหา หากมีหมายศาลเรียก ซึ่งการไปเป็น พยานต้อง พิจารณาข้อเท็จจริงด้วยว่าเป็นประโยชน์หรือไม่

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

สิงคโปร์มีแผนขยายสนามบินนานาชาติชางกี

สิงคโปร์มีแผนก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารแห่งที่ 4 ที่สนามบินนานาชาติชางกี เพื่อรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้เปิดอาคารที่พักผู้โดยสารแห่งที่ 3 แล้วเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้สูงขึ้นประมาณร้อยละ 45 เป็น 70 ล้านคน เพื่อแข่งขันกับฮ่องกงและประเทศไทยในการชิงเป็นศูนย์กลางการบินที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

กระทรวงกลาโหมสหรัฐ แจ้งเตือน หลังเหตุระเบิดที่ย่านไทมส์ สแควร์ – Times Square Blast

กระทรวงกลาโหมสหรัฐ แจ้งเตือนให้ ศูนย์เกณฑ์ทหารทั่วประเทศ
เพิ่มความระมัดระวัง หลังเกิดเหตุระเบิดที่ ย่านไทมส์ สแควร์ ในนครนิวยอร์ก

Hunt on for Clues in Times Square Blast
English article from Myway.com external page (Open new window).


กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้แจ้งเตือนให้ศูนย์เกณฑ์ทหารทั่วประเทศ 1,650 แห่ง เพิ่มความระมัดระวัง หลังเกิดเหตุระเบิดที่ไม่รุนแรงที่ศูนย์ในย่านไทมส์ สแควร์ นครนิวยอร์กก่อนรุ่งอรุณของวานนี้
Times_Square_Blast

เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.45 น. ตามเวลาในท้องถิ่น หรือประมาณ 15.45 น. เวลาในประเทศไทย ทำให้ ประตูกระจก หนาทึบ ของศูนย์ แตกร้าว และ กระจกของ อาคารแตกกระจาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจร ในย่านดังกล่าวด้วย กระทรวงความมั่นคง แห่งมาตุภูมิ แถลง ในเวลาต่อมาว่า ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึง ภัยคุกคาม ที่จะเกิด ขึ้นในสหรัฐในขณะนี้ ส่วนโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีแถลงว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบว่า ระเบิดเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย.


ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์



อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระเบิด ในย่านไทมส์ สแควร์ นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ
แผนลอบวางระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ ใน กรุงมะนิลา
ออกประกาศเตือนชาวอเมริกัน ใน เลบานอน
Next Page »

Blog at WordPress.com.