Accom Thailand

March 17, 2008

ศก.ตามรอยเสด็จประพาสต้นร.5 ฟื้นฟูชีวิตชาวน้ำอัมพวา

กรมศิลป์ ตามรอยเสด็จประพาสต้น ร.5
ฟื้นฟูชีวิตชาวน้ำอัมพวา เพื่อพัฒนาให้เป็น
แหล่งท่องเที่ยว ตามรอยเสด็จประพาส


นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยโครงการ ตามรอยเสด็จประพาสต้น พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ว่า คณะทำงานกำลังศึกษาเส้นทาง เสด็จประพาสต้นทางน้ำ โดยเริ่มที่ คลองอัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสาคร ที่ขณะนี้ได้ค้นคว้าจากพระราชหัตถเลขา และเอกสารเก่าที่มีการบันทึกไว้ เพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวน้ำอัมพวา ที่ปัจจุบันชาวคลองยังคงอนุรักษ์รักษาบ้านเรือนริมน้ำสมัยก่อนให้เห็นอยู่หลายหลัง และ ยังใช้เรือสัญจรค้าขายทางน้ำที่เชื่อมโยงกับการค้าขายตลาดน้ำ จนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิทยาชมหิงห้อย


สำหรับ การฟื้นฟู เส้นทางประวัติศาสตร์คลองอัมพวา จะทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการพัฒนาบ้านเมืองของชาวน้ำ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งนี้กรมศิลปากรจะได้ทำงานร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่น เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ตามรอยเสด็จประพาสต้น ต่อไป


ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

ชมรมสู่ขวัญดอยหลวง ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งชมรมสำหรับผู้ป่วยเอดส์

Filed under: HIV — accomthailand @ 22:59
Tags:

ชมรมสู่ขวัญดอยหลวง ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งชมรมสำหรับผู้ป่วยเอดส์ มีกิจกรรมเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วยต่อสู้ชีวิตกับโรคร้ายโดยการสนับสนุนของกองทุนโลก
นายสงกรานต์ บุญโย ประธานชมรมสู่ขวัญดอยหลวง ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณโรงพยาบาลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ชมรมสู่ขวัญดอยหลวง เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 ซึ่งขณะนั้นมีการแพร่ระบาดของโรคเอดส์อย่างมาก โดยได้รับการสนับสนุนทุนจากกองทุนโลก มีบุคลากรจากโรงพยาบาลเชียงดาวเป็นพี่เลี้ยง ขณะนี้มีสมาชิกกว่า 300 คน ทำงานครอบคลุม 7 ตำบล 84 หมู่บ้าน ในอำเภอเชียงดาว เวียงแหงและแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากจัดตั้งกลุ่มแล้วมีการทำงานที่เข้มแข็ง มีการประสานเครือข่ายผู้ป่วยเอดส์ มีกิจกรรมพบกลุ่ม กิจกรรมออกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยเอดส์และอบรมให้ความรู้ความเข้าใจแนวทางปฏิบัติตน และพบว่าผู้ป่วยเอดส์ในพื้นที่มีกำลังใจในการดำรงชีวิต และยังบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการออกเป็นวิทยากรพิเศษตามสถานศึกษาเพื่อสร้างความตระหนักถึงภัยของโรคเอดส์ ให้แก่เยาวชนเพื่อหา แนวทาง ป้องกัน

บุรีรัมย์ หลายหน่วยสกัดการลักลอบ นำหมูเป็น ส่งขายประเทศกัมพูชา

Filed under: อาชญากรรม — accomthailand @ 22:58
Tags:

การค้าภายในจ.บุรีรัมย์ ร่วมกับตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ตรวจคุมเข้มแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ป้องกันการลักลอบขนสุกรมีชีวิตหรือหมูเป็น ส่งขายประเทศกัมพูชา ซึ่งมีราคาสูงกว่าในไทย หวั่นขาดตลาดและส่งผลให้มีราคาแพงขึ้น
การค้าภายในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ประสานความร่วมมือกับตำรวจภูธรจังหวัด จังหวัดทหารบก และฝ่ายปกครอง ร่วมในการตั้งจุดตรวจสกัดคุมเข้มพื้นที่ที่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ใน 3 อำเภอ มีอ.บ้านกรวด ละหานทราย และ อ.โนนดินแดง เพื่อป้องกันการลักลอบขนย้ายสุกรมีชีวิตหรือหมูเป็น ส่งไปจำหน่ายยังประเทศกัมพูชา ที่มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 70 – 75 บาท ขณะที่หมูเป็นในประเทศมีราคากิโลกรัมละ 58 – 60 บาท เท่านั้น หากปล่อยให้มีการลักลอบนำหมูเป็นข้ามไปจำหน่าย เกรงว่าจะทำให้หมูเป็น และเนื้อหมูในประเทศขาดตลาด หรืออาจจะส่งผลกระทบให้เนื้อหมูมีราคาสูงขึ้นอีก สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริโภคได้ แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้จังหวัดบุรีรัมย์ได้ปิดจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด ชั่วคราว จากปัญหาความมั่นคงของประเทศ และปัญหาการลักลอบขนย้ายยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายภายในประเทศ
นายสุทธิศักดิ์ พรหมบุตร การค้าภายในจ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า หากตรวจพบว่ามีผู้ประกอบการ หรือกลุ่มบุคคลใด ฝ่าฝืนลักลอบขนย้ายสุกรมีชีวิตส่งขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

กรมควบคุมโรค ใช้น้ำยาเคมี ฉีดพ่น เบาะรถไฟ และ รมควัน กำจัดตัวเรือด

Filed under: สาธารณสุข — accomthailand @ 22:58
Tags:

กรมควบคุมโรค เร่งแก้ปัญหาโดยใช้น้ำยาเคมีฉีดพ่นเบาะรถไฟและรมควันเพื่อกำจัดตัวเรือด พร้อมยืนยันไม่เป็นอันตรายต่อคนหรือตกค้างในสิ่งแวดล้อม
นายแพทย์ศิริศักดิ์ วรินทราวาส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยการรถไฟแห่งประเทศไทย แก้ไขปัญหาตัวเรือดในเบาะรถไฟ โดยจะใช้น้ำยาเคมีจากสารอัลฟ่า ไซเปอร์ เมททริล ฉีดพ่นเบาะ ซึ่งจะทำให้ตัวเรือดตายภายใน 2 นาที แต่ยังไม่สามารถกำจัดตัวเรือดได้ทั้งหมด จึงต้องใช้วิธีอบหรือรมควันด้วยสารเดลตร้า เมททริล ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะทำให้ตัวเรือดตายทั้งหมด ทั้งนี้สารเคมีทั้ง 2 ชนิด จะไม่เป็นอันตรายต่อคน และไม่ตกค้างในสิ่งแวดล้อมด้วย โดยการกำจัดตัวเรือดด้วยวิธีดังกล่าวต้องดำเนินการทุก 7 วัน เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด

ประเทศไทย มีพื้นที่เสี่ยงภัย ดินถล่ม 51 จังหวัด

ประเทศไทยมีพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม 51 จังหวัด ล่าสุดกรมทรัพยากรธรณีติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนและไซเรนเตือนภัยแล้ว 4,000 จุด และจะวางให้ครบ 6,000 จุดภายใน 2 ปี
กรมทรัพยากรธรณีประชุมซักซ้อมแผนการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม ณ โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเครือข่ายเฝ้าระวังในจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้เพราะจังหวัดเชียงใหม่มีความเสี่ยงต่อธรณีพิบัติภัย โดยเฉพาะดินถล่ม มีความจำเป็นต้องกระตุ้นเตือนให้ประชาชนเกิดความตระหนัก เตรียมความพร้อมรับเหตุ เพิ่มช่องทางประสานการทำงานเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัย
นายวรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณีกล่าวว่า ช่วงเวลาที่ต้องเฝ้าระวังภัยดินถล่มในประเทศไทยมี 2 ช่วงคือต้นฤดูฝนช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะได้รับอิทธิพลจากลมในมหาสมุทรอินเดียและช่วงเดือนกลางฤดูฝนช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนซึ่งมี อิทธิพล ของลมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งต้องเฝ้าระวังเพราะหากฝนตกมากนั่นย่อมหมายถึงภัยจากดินถล่มจะเพิ่มขึ้นตามมาด้วยโดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขาสูง และพื้นที่ที่บุกรุกทำลายป่าบนภูเขา โดยพบว่ามีถึง 51 จังหวัดในประเทศไทยที่เสี่ยงภัยดินถล่ม
ขณะนี้กรมทรัพยากรธรณีได้จัดทำแผนที่เสี่ยงต่อธรณีพิบัติภัยทั่วประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนแก้ไขและรับมือกับภัยที่เกิดขึ้น และมีการตั้งเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังแจ้งเหตุธรณีพิบัติภัย ขณะเดียวกันมีการติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนและไซเรนเตือนภัยแล้ว 4,000 จุด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยสูง 22 จังหวัดวางครบทุกพื้นที่แล้ว และจะวางให้ครบ 6,000 จุดทั่วประเทศภายใน 2 ปี

จะนำร่างพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ มาพิจารณาอีกครั้ง

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุจะนำร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการมาพิจารณาอีกครั้งก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ถึงการจัดระเบียบข้อมูลข่าวสารของทางราชการโดยจะมีการระดมระดมสมองเพื่อประเมินผลงานในการเข้าถึงข้อมูลข่าว สารของราชการในรอบ 11 ปี ทั้งนี้จะมีการนำกรณีศึกษาต่างๆเข้ามาพิจารณาโดยเฉพาะการขอข่าวสารจากทางราชการ นอกจากนี้จะชลอการนำร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการมาพิจารณาใหม่อีกครั้งเพื่อดูว่าจะมีประเด็น สำคัญที่ควรเพิ่มเติมหรือไม่ โดยในเบื้องต้นให้เร่งดำเนินการจัดประชุมระดมสมองเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากหลายหน่วยงานเพื่อนำมาใช้ในการ ปรับปรุงแก้ใขก่อนจะนำร่าง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ระบบข้อมูข่าวสารของราชการมีความเหมาะสม ทันสมัย และเป็นไปตามความต้องการของทุกฝ่าย นอกจากนี้ได้มีการเสนอให้นำนโยบายลดการใช้กระดาษหรือpapperlessมาใช้โดยจะเสนอให้มีการนำสื่ออินเตอร์เน็ต มาใช้ให้มากขึ้น

ร.ร.เชียงดาววิทยาคม ประสบความสำเร็จวางรากฐานสู่การแก้ปัญหาโรคเอดส์

โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่ ประสบความสำเร็จในการวางรากฐานสู่การแก้ปัญหาโรคเอดส์และการค้ามนุษย์
นายสุรพล สังข์ศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนเชียงดาววิทยาคม เปิดเผยว่า โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มุ่งพัฒนาโรงเรียนให้เป็นสังคมแห่งชีวิตและการเรียนรู้ ทั้งนี้โรงเรียนตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดสูง เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหาชายแดน ปัญหาการค้ามนุษย์ และปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ทางโรงเรียนจึงได้จัดให้มีสภานักเรียนเพื่อให้ตัวแทนนักเรียนร่วมเสนอปัญหา และโครงการต่าง ๆ ขณะเดียวกันได้จัดอาจารย์ที่ปรึกษา 1 คนต่อเด็ก 20 คน นอกจากนี้โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม ยังได้รับความร่วมมือจากชุมชนและส่วนราชการในพื้นที่ มีสมาคมผู้ปกครองที่เข้มแข็ง และหน่วยราชการที่พร้อมให้ความร่วมมือ จัดวิทยากรให้ความรู้แก่เด็ก ซึ่งนับเป็นการรวมพลังสร้างอนาคตของชาติที่มีคุณภาพเป็นอย่างดี

กองบิน 46 ส่งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง

กองบิน 46 ส่งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงฝูงบิน 461 ไปปฏิบัติการที่จังหวัดนครราชสีมา
นาวาอากาศเอกสรกฤต มังสิงห์ ผู้บังคับการกองบิน 46 กองพลบินที่ 3 กองบัญชาการยุทธทางอากาศ ส่งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ที่ฝูงบิน 461 กองบิน 46 อ.เมืองพิษณุโลก โดยจะเคลื่อนย้ายหน่วยบินปฏิบัติการฝนหลวงไปปฏิบัติภารกิจที่ฐานปฏิบัติการ สนามบินกองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
การปฏิบัติการฝนหลวงเป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเขื่อนต่างๆ ซึ่งกองทัพอากาศสนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง

ร่วมปั่นรถถีบ นั่งสามล้อ ชมบ้านไม้เก่า “ผ่อบ้าน แอ่วเมือง”

สภาวัฒนธรรมจังหวัดแพร่ ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่ เทศบาลเมืองแพร่ ข่ายลูกหลานเมืองแพร่ Spafa ชมรมอนุรักษ์สถาปัตยกรรมท้องถิ่นเมืองแพร่ นำโดยนายเอกชัย วงศ์วรกุลประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแพร่พร้อมประชาชนในชุมชน สื่อมวลชน จำนวนกว่า 100 คน ได้ร่วมกันนำรถจักรยาน 2 ล้อ จำนวน 50 คัน และรถสามล้อ 30 คัน ร่วมกิจกรรม “ผ่อบ้าน แอ่วเมือง” ครั้งที่ 6 โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นผู้สูงอายุได้นั่งสามล้อ ส่วนเด็ก เยาวชนปั่นจักรยาน ท่องเที่ยวในบริเวณชุมชนเชตะวัน เช่นที่ปบ้านประทับใจ เป็นการศึกษาการอนุรักษ์เรือนไม้โบราณ ซึ่งเป็นบ้านไม้สักสร้างจากไม้เรือนโบราณจำนวน 9 หลัง ปัจจุบันเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวมาชมความงดงามสถาปัตยกรรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้ยังได้ชมเอกลักษณ์อันโดดเด่นของสถาปัตยกรรมท้องถิ่นซึ่งเป็นบ้านรับรองป่าไม้เดิม ปัจจุบันได้จัดเป็นเรือนรับรองและจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ป่าไม้ ติดกับท่าน้ำเชตะวัน ซึ่งได้เห็นวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี การจัดการลุ่มน้ำยมบริเวณท่าน้ำเชตวัน แวะไหว้พระที่วัดเชตะวัน ตำบลป่าแมต ซึ่งที่วัดแห่งนี้มีอุโบสถที่เป็นสถาปัตยกรรมงดงาม ประตู/หน้าต่างแกะสลักเล่าเรื่องราวพระเจ้า 10 ชาติ โบสถ์ไม่มีเสาค้ำหลังแรกในภาคเหนือ
ต่อจากนั้นได้แวะชมพนธุ์ไม้หายากของไทย ซึ่งเป็นบ้านของคุณดารา ยาร์จ ทายาทรุ่นหลานของนายเฮริด ยาร์จ ชาวเดนมาร์ค เจ้าของบริษัทสัมปทานไม้แห่งแรกของเมืองแพร่ และแวะกาดหมั้วคัวแลง ชิมอาหารพื้นเมือง เช่น หลามบอน ไข่บ่าม ตำเตา ยำขนุน ยำหนังหมู และผักพื้นเมืองมากมาย ณ บริเวณสวนสาธารณะประตูมาร สร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมา

รองผู้ว่าฯ กทม. รับ มีการเมือง มาเกี่ยว ในกรณี ผู้ว่าฯ กทม.

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรับมีการเมืองมาเกี่ยวในกรณีผู้ว่าฯกทม.ออกมาแสดงความรับผิดชอบกรณีพัวพัน รถดับเพลิง ด้าน มท.1เข้ากทม.ถกผู้ว่าฯกทม.
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังไม่ลงนามอนุมัตการลากิจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพราะจะกระทบต่องานของ กทม. นั้น มองว่าเป็นอำนาจที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะพิจารณาและเชื่อว่าทุกอย่างจะอยู่บนความถูกต้อง เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด แต่ยืนยันการที่ผู้ว่าฯกทม. ประกาศยุติบทบาท หรือขอลากิจก็เพราะต้องการให้เวลากับการชี้แจงข้อมูลต่อ คตส. อย่างเต็มที่ หลังถูกชี้มูลความผิดพัวพันกรณีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ทั้งนี้นายพุทธิพงษ์ ระบุเรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่สังคมจับตามองและยอมรับว่ามีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังจะเห็นได้จากการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน แต่จะพยายามไม่ทำการเมืองให้ประชาชนเบื่อหน่าย
และในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมายังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร และคาดว่าจะมีการหารือกับนายอภิรักษ์ ถึงเรื่องการลากิจ รวมไปถึงนโยบายจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยของ กทม. ที่นายกรัฐมนตรีตำหนิไว้เมื่อวานนี้ด้วย

Next Page »

Create a free website or blog at WordPress.com.